รัฐบาลสหรัฐจ่ออุ้ม “เฟิร์สท์ รีพับลิค” หวังสร้างความเชื่อมั่น
"เฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์" อาจต้องพึ่งรัฐบาลสหรัฐเข้ามาสนับสนุนข้อตกลงในการซื้อกิจการ หวังสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บรรดาผู้นำธุรกิจในวอลล์สตรีท และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐกำลังหารือกันเกี่ยวกับการแทรกแซงวิกฤตการณ์ของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (FRB) ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐ โดยมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลสหรัฐจะต้องยื่นมือเข้ามาสนับสนุนข้อตกลงในการซื้อกิจการของ FRB
ทั้งนี้แหล่งข่าวระบุว่า กลุ่มผู้นำธุรกิจในวอลล์สตรีทและเจ้าหน้าที่สหรัฐได้เสนอทางเลือกต่างๆ ที่จะทำให้ FRB สามารถดึงดูดใจนักลงทุนหรือผู้ซื้อที่มีศักยภาพ ซึ่งความพยายามดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีธนาคารในสหรัฐต้องล้มลงอีก หลังจากธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB), ซิกเนเจอร์ แบงก์ และซิลเวอร์เกต แคปิตอล ล่มสลายลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์
สำหรับทางเลือกดังกล่าวนั้นครอบคลุมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรับซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดของ FRB หลังจากมูลค่างบดุลบัญชีของ FRB ลดฮวบลง, การเสนอคุ้มครองหนี้สิน, การยื่นขอผ่อนปรนกฎระเบียบด้านเงินทุนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น หรือลดเพดานการถือครองหุ้นของบรรดาผู้ถือหุ้น
อีกทั้งแหล่งข่าวระบุว่า การหารือดังกล่าวยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้ โดยมีหลายประเด็นที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ นอกจากนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารัฐบาลสหรัฐจะให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ FRB หรือไม่
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐ, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว
ส่วนราคาหุ้น FRB ร่วงลง 15% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ (22 มี.ค.) หลังจากมีรายงานข่าวว่า FRB ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อทำการทบทวนทางเลือกต่างๆ และจัดการกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับธนาคาร โดยบริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้รวมถึงลาซาร์ด (Lazard) และแมคคินซี่ (McKinsey)
ทั้งนี้ FRB ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก เป็นธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ โดยราคาหุ้น FRB ทรุดตัวลงถึง 89% แล้วในปีนี้ หลังจากนักลงทุนแห่งถอนเงินจำนวนมาก ซึ่งกดดันให้ FRB ต้องตัดขายสินทรัพย์ซึ่งมีมูลค่าลดลง อันเป็นผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)