“ดาโอ” มองสินเชื่อปีนี้โต 5% ชู BBL-KTB ท็อปพิก

“บล.ดาโอ” คาดภาพรวมของสินเชื่อปีนี้โต 5% ซึ่งจะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 ชู BBL-KTB ท็อปพิก รับดอกเบี้ยขาขึ้น


บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภาพรวมสินเชื่อเดือน ก.พ.66 ทั้ง 8 ธนาคารที่ทางฝ่ายวิจัย cover อยู่ที่ 11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อน โดยสินเชื่อรายใหญ่ปรับตัวลดลงจากการชำระคืน แต่สินเชื่อรายย่อยและ SME กลับมาเพิ่มขึ้นตามการเปิดประเทศ โดยธนาคารที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่สุดจากเดือนก่อน คือ BBL เพิ่มขึ้นที่ 2.1% จากเดือนก่อน จากสินเชื่อรายใหญ่ รองลงมาเป็น KKP เพิ่มขึ้นที่ 1.3% จากเดือนก่อน จากการเติบโตในทุกสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อบ้านที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีสินเชื่อรายใหญ่ที่เป็นระยะสั้นเข้ามาช่วยหนุน

ขณะที่ธนาคารที่มีสินเชื่อลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบจากเดือนก่อน คือ LHFG ลดลง 1.8% จากการชำระคืนของสินเชื่อรายใหญ่ รองลงมาเป็น TTB ที่ลดลง 0.7% จากเดือนก่อน จากการชำระคืนของสินเชื่อรายใหญ่ และ SME ที่เป็น Floorplan มีการชำระคืน ส่วนภาพรวมของเงินฝากในเดือน ก.พ.65 อยู่ที่ระดับ 12.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน โดย KTB เพิ่มขึ้นเยอะที่สุด 1.5% จากเดือนก่อน และ KKP เพิ่มขึ้น 0.8% จากเดือนก่อน เนื่องจากมีการเร่งระดมเงินฝากประจำเพิ่มขึ้นเพื่อล็อคเรทท่ามกลางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อสินเชื่อในเดือน ก.พ.66 ที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อและบ้านที่ยังคงเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่าภาพรวมของสินเชื่อในเดือน มี.ค.66 จะเพิ่มขึ้นได้เพราะเริ่มเข้าสู่ช่วงการเบิกจ่ายของสินเชื่อรายใหญ่ ขณะที่ภาพรวมสินเชื่อรวมทั้งปี 66 ของกลุ่มที่ทางฝ่ายวิจัยคาดไว้ 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าภาพรวมสินเชื่อในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ -0.5% จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน แต่ทางฝ่ายวิจัยคาดหวังการฟื้นตัวของสินเชื่อจะมีตั้งแต่ไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยให้ความสำคัญกับประเด็นของ NPL มากกว่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นไม่น่ากังวลมากนัก เพราะแต่ละธนาคารมีการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือลูกหนี้ พร้อมทั้งมีการตั้งสำรองฯจำนวนมากมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

โดยทางฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” โดย valuation ยังถูกเทรดบน PBV ที่ระดับเพียง 0.68 เท่า ด้าน NPL แม้ว่าจะยังอยู่ในขาขึ้น แต่เป็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยทางฝ่ายวิจัยชอบกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่มากกว่าธนาคารขนาดเล็กเนื่องจากได้ประโยชน์ จากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น โดยยังเลือก BBL เป็น Top pick ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 187 บาท เพราะ BBL เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น ขณะที่ยังมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่รองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าคู่แข่ง เพราะมี coverage ratio อยู่ในระดับสูง ที่สุดในกลุ่มที่ 261% นอกจากนี้ Valuation ยังน่าสนใจโดยเทรดที่ PBV เพียง 0.57 เท่า

อีกทั้งยังชอบ KTB ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 20 บาท เพราะได้รับผลดีจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น ด้าน valuation ปัจจุบันยัง laggard เมื่อเทียบในกลุ่มธนาคาร โดยซื้อขายที่ระดับต่ำเพียง PBV ที่ 0.62 เท่า ขณะที่คาดว่าจะมี upside เพิ่มจากการใช้ data ใน application เป๋าตังและอื่นๆที่ช่วยเหลือรัฐบาล ซึ่งสามารถนำข้อมูลมา cross-selling เพิ่มเติมได้อีกในอนาคต

Back to top button