BA มั่นใจปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น หนุนบินกว่า 4 หมื่นเที่ยว โกยรายได้ 1.5 หมื่นล้าน
BA มั่นใจปี 66 ท่องเที่ยวฟื้นตัวแกร่ง หนุนเที่ยวบินกว่า 4 หมื่นเที่ยว โกยรายได้ผู้โดยสาร 1.5 หมื่นล้าน ประเมินอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 76%
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยว่า การเดินทางระหว่างประเทศและการท่องเที่ยว ทยอยฟื้นตัวและมีการเดินทางของผู้โดยสารจากทั่วโลก ได้ส่งผลเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมการบิน ในปีที่ผ่านมามีปริมาณการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส พบว่ายอดจองบัตรโดยสารเพิ่มขึ้นตั้งแต่ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา ทั้งการเดินทางในประเทศ และระหว่างประเทศ ทำให้ปี 2565 มียอดขนส่งผู้โดยสารรวม 2.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 394.8 และ มีจำนวนเที่ยวบินให้บริการรวม 29,892 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 243.8 เมื่อเทียบกับปี 2564
สำหรับภาพรวมของจำนวนผู้โดยสารของปี 2565 อยู่ที่ระดับ 45% ของปี 2562 โดยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 3 และแตะระดับที่ 65% ของช่วงก่อนโควิดในเดือนธันวาคม สำหรับในปีนี้คาดการณ์ว่าปริมาณผู้โดยสารจะอยู่ที่ 70-80% ของปี 2562 จากปัจจัยความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่ยังคงแข็งแกร่ง และการเปิดประเทศของหลายๆ ประเทศ และผ่อนปรนนโยบายการเดินทางช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทฯ ให้บริการเที่ยวบินเส้นทางภายในประเทศ 15 เส้นทาง เส้นทางระหว่างประเทศ 7 เส้นทาง บริษัทฯ วางเป้าหมายในปี 2566 ในการดึงนักท่องเที่ยวไทย – ต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศไทยและในภูมิภาค ตั้งเป้ารายได้ผู้โดยสาร 15,000 ล้านบาท รวมเที่ยวบินกว่า 4 หมื่นเที่ยวบิน อัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 76% และในโอกาสครบรอบ 55 ปี ในการดำเนินธุรกิจ บางกอกแอร์เวย์สยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับและพัฒนาการให้บริการเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารไปถึงยังจุดหมายปลายทาง( Connect Your Happiness)
โดยดึงจุดเด่นของการเป็นสายการบินที่มีบริการครบครัน อาทิ บริการเลือกที่นั่งก่อนการเดินทาง บริการสัมภาระฟรี 20 กก. บริการห้องรับรองผู้โดยสารแก่ผู้โดยสารทุกคน บริการอาหารในทุกเที่ยวบิน การบริการระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ และจุดแข็งของการเป็นเจ้าของและบริหารงานสนามบิน 3 แห่ง ได้แก่ สนามบินสมุย สนามบินตราด และสนามบินสุโขทัย ที่จะสามารถรองรับเที่ยวบิน และเป็นศูนย์กลางการบินในการเชื่อมต่อระหว่างจุดหมายปลายทางต่างๆ โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มศักยภาพเพื่อการรองรับการเดินทาง ในด้านระบบการจัดการ การปรับปรุงด้านกายภาพ การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะอยู่ภายใต้ข้อบังคับและกฎระเบียบของหน่วยราชการ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล
นอกจากนั้นบริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญของการเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนในด้านธุรกิจ การดำเนินงาน การสร้างความพึงพอใจให้กับผู้โดยสาร พันธมิตร และยังสามารถคงไว้ซึ่งนโยบายด้านการตอบแทนสู่สังคม รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทฯ คำนึงถึงเสมอมา บางกอกแอร์เวย์สมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญในการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภาคการบิน โดยปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินโครงการการวางแผนใช้น้ำมันอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ส่วนในระดับนานาชาติ บริษัทฯยังได้เข้าร่วมโครงการ Carbon offsetting and Reduction Scheme for International Aviation (CORSIA) ของ ICAO เพื่อสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายการรักษาระดับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิของภาคการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และบริษัทฯ ได้มีการศึกษาการใช้น้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel (SAF)ที่จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการบินลงได้ โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมการบินวางแผนจะก้าวเข้าสู่เป้าหมาย Net Zero Carbon Emission หรือคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2050
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีแผนดำเนินการในขอบเขตอื่น ๆ เช่น การศึกษาการใช้พลังงานหมุนเวียน การประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์องค์กร แผนพัฒนาโครงการแยกขยะได้ประโยชน์ซึ่งดำเนินการอยู่เดิม อีกทั้งริเริ่มศึกษาโครงการ Upcycling อาทิ ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน ขวดน้ำพลาสติกไร้ฉลาก โดยทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่และนำกลับมาใช้ประโยชน์ในกระบวนการธุรกิจ รวมถึงการ Upcycling ขยะชุมชน เช่น เปลือกหอยนางรม (พื้นที่ทดลอง ณ ต.ท่าโสม อ.เขาสมิง จ.ตราด) โดยออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้ชุมชน
ด้านนายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายงานการเงินและบัญชี กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 12,742.1 ล้านบาท เทียบกับปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 124.8 ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการจำหน่ายบัตรโดยสารร้อยละ 609.8 รายได้จากธุรกิจสนามบินร้อยละ 465.4 และรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินร้อยละ 71.6 จากการกลับมาปฏิบัติการบินของสายการบินต่าง ๆ บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 889.3 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปี 2564 จำนวน 1,643.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 64.9
“ในปี 2565 บริษัทฯ ย่อยของบริษัทฯในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ได้จัดตั้งกองทรัสต์และนำทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ (BA Airport Real Estate Investment Trust: BAREIT) ซึ่งเป็นกองทรัสต์ธุรกิจสนามบินกองแรกของประเทศไทย เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 14 กันยายน 2565 โดยมีมูลค่าการระดมทุน 14,300 ล้านบาท ในปี 2565 ที่ผ่านมาสนามบินสมุยมีแนวโน้มของปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น
โดยมียอดขนส่งผู้โดยสารรวมทั้งสิ้นกว่า 1.3 ล้านคน และมีจำนวนเที่ยวบินใช้บริการรวมทั้งสิ้นกว่า 15,000 เที่ยวบิน เพิ่มสูงขึ้นอย่างเป็นนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งถึงแม้ว่าจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอาจจะไม่เทียบเท่ากับช่วงก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เป็นสัญญานดีที่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย”
ด้านความคืบหน้าของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA ผู้รับสัมปทานโครงพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านการออกแบบวางแผนงาน และการจัดสรรบุคลากร ตลอดจนถึงการเตรียมงานด้านการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมได้อย่างทันท่วงทีเมื่อได้รับการลงนามในสัญญาด้านการส่งมอบพื้นที่สำหรับการก่อสร้างในอนาคต
ส่วนนายคมกริช งามวงศ์วิโรจน์ ผู้อำนวยการแผนกลูกค้ารายใหญ่และผลิตภัณฑ์รายได้เสริม เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและพร้อมเดินทางจะกลับมาอย่างชัดเจน และจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 60% ของรายได้ทั้งหมด โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน BSP agents ในตลาดหลักอาทิ ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน แอฟริกาใต้ และอีกกว่า 20 ตลาดทั่วโลก รวมถึงการขายผ่านเครือข่ายสายการบินพันธมิตรอีกกว่า 100 สายทั่วโลก และอีกช่องทางหนึ่งที่เรามุ่งเน้นในปีนี้คือช่องทางกลุ่มตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก
นอกจากนี้แผนขยายการขายเชิงรุกในตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ ได้มีการแต่งตั้งตัวแทนขายและการตลาดเพิ่มขึ้นอีก 12 สำนักงาน รวมทั้งสิ้นเป็น 41 สำนักงาน โดยเป็นการเปิดสำนักงานในประเทศกลุ่มนอดิกส์หรือสแกนดิเนเวีย และกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ และแต่งตั้งตัวแทนขายและการตลาดในกลุ่มประเทศเยอรมัน ออสเตรีย สวิสเซอร์แลนด์ ประเทศฮ่องกง และออสเตรเลีย
สำหรับการขายในตลาดในประเทศ บริษัทฯ วางกลยุทธ์การออกโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ในช่วงเทศกาล การส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรในภาคส่วนต่างๆ รวมถึงการขายสินค้า บริการของพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆเสริมให้มากขึ้น คลอบคลุมทุกความต้องการของผู้โดยสาร เช่นประกันการเดินทาง รถเช่า โรงแรม หรือการขายล่วงหน้า ให้เกิดประสบการณ์ที่ดีในการเดินทางกับสายการบินของเรา
ด้านแผนการตลาด บริษัทฯ มุ่งเน้นการนำกลยุทธ์สร้างตลาดด้วยสีสัน (Color Marketing) โดยจะทำการสื่อสารผ่านแนวคิด “สีฟ้าคือสีแห่งความสุข” ที่นำเอกลักษณ์จากสีของบางกอกแอร์เวย์ส มาสื่อสารเพื่อสร้างการจดจำภาพแห่งความสุขในการเดินทางกับสายการบินฯ ตั้งแต่บริการผ่านพนักงานคอลเซ็นเตอร์ การเลือกจองที่นั่ง บริการห้องรับรองผู้โดยสาร จนถึงจุดหมายปลายทาง โดยมี “ญาญ่า อุรัสยา” เป็นพรีเซนเตอร์ ที่มีสไตล์เฉพาะตัว มีความเป็นมิตร การสื่อสารที่จริงใจ สามารถแบ่งปันความสุขให้กับทุกคนในทุกครั้งที่พบเจอ
กิจกรรมทางการตลาดในปีนี้จะมุ่งเน้นทำให้แบรนด์บางกอกแอร์เวย์ส เป็นที่จดจำอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยบริษัทฯ ยังคงเน้นการส่งเสริมการตลาดผ่านกีฬา (Sport Marketing) หลากหลายรูปแบบสำหรับกิจกรรมหลักของปีนี้ ทั้งการจัดการแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอน บางกอกแอร์เวย์สบูทีคซีรี่ย์ 2023 ใน 4 สนาม ได้แก่ เกาะสมุย ลำปาง พังงา สุโขทัย โดยจะใช้แนวคิดเรื่องความยั่งยืนผสมผสานเข้าไปในตัวกิจกรรม เช่น เสื้อวิ่งที่ใช้เทคโนโลยีการทอผ้ารีไซเคิลจากขวดน้ำพลาสติก นอกจากนี้ยังมีงาน Surf Festival 2023 ที่จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 พร้อมกันนี้ยังมีแผนร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในการเชิญบรรดาเซเลบริตี้คนดังจากทั่วโลก มาร่วมสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เมืองไทย อีกทั้งยังได้นำเสนอส่วนลดพิเศษสำหรับผู้โดยสารเฉพาะกลุ่ม อาทิ กลุ่มนักศึกษา ผู้สูงวัย และ ผู้ทุพพลภาพ