ตามคาด! “เฟด” ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% แต่ส่งสัญญาณสกัด “เงินเฟ้อ” ต่อให้เหลือ 2%
ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา มีมติฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% แต่ส่งสัญญาณสกัดเงินเฟ้อต่อให้เหลือ 2% โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งหลังการประชุมครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สองของเฟดในปีนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565
อย่างไรก็ดี เฟดส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่แสดงความเชื่อมั่นต่อระบบธนาคารสหรัฐ
“ระบบธนาคารสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และมีความยืดหยุ่น โดยสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน และกระทบต่อกิจกรรมในเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อ ซึ่งผลกระทบเหล่านี้มีความไม่แน่นอน ขณะที่เฟดจะยังคงจับตาความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออยู่” แถลงการณ์ระบุ
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งหลังการประชุมครั้งนี้ หลังจากนั้น คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.8% ในปี 2567 และ 1.2% ในปี 2568
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 5.1% ในปีนี้ (2566) และจะชะลอตัวสู่ 4.3% ในปี 2567 และ 3.1% ในปี 2568 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ 2.5% ขณะเดียวกัน เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะแตะระดับ 3.6% ในปีนี้ จากนั้นจะลดลงสู่ระดับ 2.6% ในปี 2567 และ 2.1% ในปี 2568 นอกจากนี้ เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะแตะระดับ 4.5% ในปีนี้ และเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6% ทั้งในปี 2567 และ 2568 ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.0%
ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น เฟดคาดว่า จะมีการขยายตัว 0.4% ในปีนี้ ซึ่งลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 0.5% ก่อนที่จะดีดตัวสู่ระดับ 1.2% และ 1.9% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ขณะที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว คาดว่าอยู่ที่ระดับ 1.8%
ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้จัดแถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินว่า ระบบธนาคารยังคงแข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่น โดยมีฐานเงินทุนและสภาพคล่องที่มากเพียงพอ เฟดยังคงติดตามสถานการณ์ในระบบธนาคารอย่างใกล้ชิด และเราพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อปกป้องระบบธนาคารให้มีความปลอดภัยและแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เราพร้อมที่จะเรียนรู้บทเรียนที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต
เฟด ยังเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบธนาคารในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น จะส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน และท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ด้วยเหตุนี้ในแถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟด จึงไม่มีการใช้คำว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่เราเปลี่ยนมาใช้คำว่า ‘การปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกระดับหนึ่งในวันข้างหน้าถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม ขณะเดียวกันคณะกรรมการเฟดก็ยังคงยึดมั่นในจุดยืนที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%”