“ส.อ.ท.” โชว์ยอดส่งออกรถยนต์ ก.พ. เฉียด 9 หมื่นคัน โต 11.42%

“ส.อ.ท.” โชว์ยอดส่งออกรถยนต์ ก.พ.66 เฉียด 9 หมื่นคัน โต 11.42% จับตาหุ้นชิ้นส่วนยานยนต์-รถ EV บ่ายนี้วิ่งคึก! อานิสงส์ยอดขาย “อีวี” มาแรง รับมาตราการกระตุ้นภาครัฐ


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนก.พ. 66 ส่งออกได้ 88,525 คัน เพิ่มขึ้น 11.42% จากเดือนก.พ. 65 เนื่องจากได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) มากขึ้น จึงผลิตส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะเพิ่มขึ้น 50.04% และ 7.44% ตามลำดับ ทำให้ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ออสเตรเลียและโอเชียเนีย ตะวันออกกลาง อเมริกากลางและอเมริกาใต้

“สถานการณ์ชิปทั่วโลกดีขึ้นตั้งแต่ช่วง ส.ค. 65 เนื่องจากโควิด-19 คลี่คลาย ความต้องการใช้ชิปเพื่อผลิตแล็ปท็อปลดลง จำนวนชิปจึงเพียงพอต่อการผลิตรถยนต์ ส่งผลให้ยอดส่งออกของไทยตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. 65-ก.พ. 66 ดีขึ้น จึงคาดการณ์ว่าปีนี้ยอดส่งออกจะอยู่ที่ 1,050,000 คัน ใกล้เคียงกับก่อนเกิดโควิดเมื่อปี 62 ที่ 1,054,000 คัน ตั้งเป้ายอดขายในประเทศ 9 แสนคัน ซึ่งคาดว่าเป็นไปได้หากสถานการณ์เหมือนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์สงคราม และเศรษฐกิจ” นายสุรพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ในเรือขนส่งรถยนต์ (Ro-Ro) ไม่เพียงพอ และวนกลับมาจากท่าเรือประเทศออสเตรเลียมารับรถยนต์รอบใหม่ล่าช้า

สำหรับมูลค่าการส่งออก 54,801.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 65 ที่ 20.34%

โดยยอดผลิตสำหรับจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนก.พ. 66 มีทั้งสิ้น 165,612 คัน เพิ่มขึ้น 6.39% จากเดือนก.พ. 65 เนื่องจากได้รับชิ้นส่วนชิปเพิ่มขึ้น จึงผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 16.17% และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 6.39% และเพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. 66 ที่ 2.02% ส่งผลในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 327,939 คัน เพิ่มขึ้น 6.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ยอดขายในประเทศ

ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนก.พ. 66 มีจำนวนทั้งสิ้น 71,551 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. 66 ที่ 9.11% แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 3.94% ลดลงจากการผลิตรถกระบะเพื่อการขนส่งลดลงถึง 54.13% เพราะขาดชิ้นส่วนชิป ส่งผลให้ยอดขายรถกระบะลดลงถึง 23.5%

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในช่วงนี้ต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด รวมถึงวิกฤตธนาคารล้มทั่วโลก ซึ่งถ้าสถานการณ์บานปลาย จะส่งผลให้สถาบันการเงินในไทยอาจปล่อยสินเชื่อ ไฟแนนซ์ยากขึ้น

ในส่วนของงานมอเตอร์โชว์ปี 66 คาดว่า ยอดขายรถยนต์ในงานปีนี้จะทะลุ 40,000 คัน ซึ่งมากกว่าปี 65 ที่ 34,000-35,000 คัน โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้จะมากขึ้น หนุนให้ยอดขายโดยรวมมากกว่าปีก่อน

ยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดง

ประเภทไฟฟ้า (BEV)

เดือนก.พ. 66 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 7,536 คัน เพิ่มขึ้น 763.23% จากก.พ.65

ประเภท HEV

เดือนก.พ. 66 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 7,921 คัน เพิ่มขึ้น 47.70% จากก.พ. 65

ประเภท PHEV

เดือนก.พ. 66 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,249 คัน เพิ่มขึ้น 30.51% จากก.พ. 65

ในเดือนก.พ. 66 รถยนต์นั่งไฟฟ้า (BEV) มีตัวเลขจดทะเบียนถึง 5,402 คัน สูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกจำนวนจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นจากก.พ. ปี 65 ถึง 5,061.16% และมีสัดส่วนถึง 7.85% ของยอดรวมรถยนต์นั่ง ถ้ารวมรถยนต์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊กตามประเทศอื่นๆ จะมีสัดส่วน 9.67% ของยอดจดทะเบียนรวมทั้งหมด

ทั้งนี้ เนื่องจากนโยบายส่งเสริมกระตุ้นการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล จึงทำให้ราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงอยู่ในระดับที่ประชาชนเข้าถึงได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้รถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆ เข้ามาตั้งฐานผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจและสามารถเลือกซื้อรุ่นรถตามความนิยมของตนได้

ด้านผู้สื่อสื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากปัจจัยดังกล่ว อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์,ผลิตแบตเตอรี่,รถยนต์อีวี,ธนาคารและกลุ่มผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์

สำหรับกลุ่มหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ อาทิ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH,บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT, บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC และ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)  หรือ STANLY

ด้านหุ้นที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการผลิตแบตเตอรี่ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่ บริษัทบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG,บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU และ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP

ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องรถยนต์อีวี ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC,บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA,บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD

ด้านหุ้นธนาคารในฐานะผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO, ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP,ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือTTB และ  ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ BAY

Back to top button