TPS มั่นใจรายได้ปีนี้ “ออลไทม์ไฮ” เดินหน้าประมูลงานใหญ่-ลุยไซเบอร์ซีเคียวริตี้
TPS ปักหมุดรายได้ปี 66 โต 50% สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการเข้าประมูลงานของบริษัทย่อย "เดอะวิน เทเลคอม" โดยเฉพาะงานภาครัฐต่อเนื่อง พร้อมลุยธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ครบวงจร ฟากซีอีโอ “บุญสม กิจเกษตรสถาพร” โชว์งานในมือแน่นกว่า 1,422 ล้านบาท
นายบุญสม กิจเกษตรสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2566 เติบโตที่ระดับ 50% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 986.86 ล้านบาท โดยคาดว่า บริษัท เดอะวิน เทเลคอม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะได้รับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อีกกว่า 1,422 ล้านบาท
“ในปีนี้ TPS ยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ ทั้งงานติดตั้ง วางระบบภายในอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการส่งบริษัท เดอะวิน เทเลคอม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าประมูลงานใหม่ โดยเฉพาะงานของภาครัฐขนาดใหญ่ ในโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) โครงการด้านสาธารณูปโภคอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลงานและรอประกาศผลอีกหลายโครงการ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นขยายธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้อย่างครบวงจร เป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิม โดยเป็นการเพิ่มในส่วนของการบริการติดตั้งระบบป้องกันการแฮ็กข้อมูลทางธุรกิจและตรวจสอบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของลูกค้าเดิม ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าให้ความสนใจและใช้บริการแล้ว” นายบุญสม กล่าว
สำหรับธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ภายใต้บริษัท เอ็กซ์-ซีเคียว จำกัด (X-Secure Co.,Ltd) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ปัจจุบันมีลูกค้าให้ความสนใจหลายราย โดยเฉพาะลูกค้าภาคเอกชน และเริ่มทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสการขยายการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ในรูปแบบการทำ M&A กับบริษัทที่มีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา เจรจาทางธุรกิจ คาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 75.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 95.73% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 38.74 ล้านบาท และมีรายได้รวม 986.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 397.61 ล้านบาท หรือ 67.48% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 589.25 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา มีการอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดประจำปี 2565 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 41,999,984.00 บาท และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2566
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีการอนุมัติโครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (Employee Joint Investment Program-EJIP) ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ สจ. 38/2561 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 เรื่องการจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลง การถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ กรรมการ ผู้บริหาร ผู้สอบบัญชีผู้ทำแผน และผู้บริหารแผน
โดย EJIP เป็นโครงการลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทสะสมเป็นรายงวด เพื่อเป็นรูปแบบหนึ่งของการให้ผลตอบแทนกับพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย โดยมีบริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ระยะเวลาการดำเนินโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 – 31 มีนาคม 2568 (รวมระยะเวลา 2 ปี) ผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ พนักงานประจำของ TPS ที่มีอายุงาน 1 ปี ขึ้นไป นับตั้งแต่วันเริ่มงาน (โดยสมัครใจ) ผู้บริหารระดับผู้อำนวยการฝ่ายขึ้นไปของ TPS และบริษัทย่อย (โดยสมัครใจและพิจารณา อนุมัติโดยคณะกรรมการบริหาร) รูปแบบโครงการ
1.เงินลงทุนของลูกจ้าง บริษัทฯ จะหักเงินเดือนของพนักงานหรือผู้บริหารที่มีสิทธิและสมัครใจเข้าร่วมโครงการใน อัตราร้อยละ 5 จากฐานเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือน จนครบกำหนดระยะเวลาจ่ายเงินสะสม 2.เงินสมทบของนายจ้าง บริษัทฯ จะจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 150 ของเงินสมทบของพนักงานหรือผู้บริหาร ที่จ่ายเข้าโครงการ โดยดำเนินการผ่านบริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (PST) และนำเงินดังกล่าวไปซื้อหุ้นสามัญฯของบริษัทฯ (TPS) ทุกวันที่ 7 ของทุกเดือน ภายในระยะเวลาที่กำหนด
สำหรับเงื่อนไขการถือครองหลักทรัพย์ (Silent Period) ผู้เข้าร่วมโครงการมีสิทธิขายหุ้น TPS ที่ซื้อสะสมในโครงการได้ ดังนี้ ปีที่ 1 ถึง 2 ( 1 เมษายน 2566 ถึง 31 มีนาคม 2568) : ไม่สามารถขายหุ้นได้, อายุโครงการครบ 2 ปี (ณ วันที่ 1 เมษายน 2568) : สามารถขายหุ้นได้ทั้งหมดของจำนวนที่สะสม
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 มีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 33,599,987 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 16,799,993.50 บาท (หรือคิดเป็นร้อยละ 10.00 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ณ วันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2566 ประชุมเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566) เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
โดยจะต้องไม่เป็นการเสนอขายหุ้นในราคาต่ำ (ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนในส่วนที่เกี่ยวกับการขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชน หรือต่อบุคคลในวงจำกัด) และในการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ให้แก่บุคคลในวงจำกัด จะต้องเป็นไปเพื่อรักษาประโยชน์ที่ดีที่สุดของบริษัทฯและผู้ถือหุ้นโดยรวม และต้องไม่ต่ำกว่าราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นในตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลังไม่น้อยกว่า 7 วันทำการติดต่อกัน แต่ไม่เกิน 15 วันทำการติดต่อกันก่อนวันกำหนดราคาเสนอขายหุ้นและอาจกำหนดส่วนลดได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของราคาดังกล่าว