SA เดิมเกมพัฒนาแนวราบ-คอนโด ดันรายได้ปีนี้ทะลุ 6 พันล้าน

SA มั่นใจภายใน 3 ปี รายได้ทะลุหมื่นล้าน ชูกลยุทธ์พัฒนาแนวราบ-แนวสูง ในสัดส่วน 50:50 เพิ่มสัดส่วน Recurring แตะระดับ 10-15%


นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 3 ปีข้างหน้า (2566-2568) บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างสัดส่วนรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และรายได้จากธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งเป็นการปรับโมเดลธุรกิจเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะมีรายได้จากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมาจากโครงการแนวราบ และโครงการแนวสูงในสัดส่วนที่เท่าๆกัน (50:50) และรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องอีกประมาณ 1,700 ล้านบาท โดยคาดว่าภายใน 3 ปีนับจากนี้ รายได้ในส่วน Recurring Income จะอยู่ที่ประมาณ 10-15% ของรายได้รวม

บริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูง โดยในการพัฒนาโครงการจะมุ่งเน้นรูปแบบการพัฒนาโครงการที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป้าหมายแต่ละกลุ่ม พร้อมนำนวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกมาใช้เพื่อสร้างจุดเด่นแก่โครงการและยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อลงทุนในระยะยาว” นายขจรศิษฐ์ กล่าว

สำหรับในปี 2566 บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้รวมที่ 6,000 ล้านบาท โดยมาจากรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์ และมาจากรายได้ธุรกิจอื่นๆ และคาดว่าจะมีกำไรราว 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ วางกลยุทธ์การพัฒนาโครงการแนวราบ เน้นเรื่องความทันสมัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย เพื่ออำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต โดยมีแผนจะพัฒนาโครงการแนวราบจำนวน 4 โครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) Siamese Kin รามอินทรา(Phase 2) พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝดและทาวน์โฮม จำนวนรวม 36 ยูนิต ราคา 6-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการเฟส 2 ประมาณ 250 ล้านบาท

2) Siamese Holm พหลฯ-วิภาวดี พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว ราคา 8-12 ล้านบาท จำนวน 192 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท 3) Siamese Blossom พหลฯ-วิภาวดี พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝดและทาวน์โฮม ราคา 2-5 ล้านบาท จำนวน 445 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท และ 4) Monsane ราชพฤกษ์ แจ้งวัฒนะ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ราคา 15-25 ล้านบาท จำนวน 175 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 3, 300 ล้านบาท

ส่วนกลยุทธ์การพัฒนาโครงการแนวสูง มุ่งเน้นในรูปแบบ Mixed Use 3 โครงการ ทำเลใจกลางเมือง ซึ่งจะมีการจัดสรรพื้นที่บางส่วนของโครงการเป็นพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ และเป็นห้องพักในรูปแบบโรงแรมหรือเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ เพื่อกระจายแหล่งที่มาของรายได้ให้มีความหลากหลายขึ้น ทั้งนี้มีแผนเปิดตัว โครงการ Wellness & Healthcare @ Talingchan และอีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 11,400 ล้านบาท

ขณะที่มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ (อยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์) จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท และโครงการปัจจุบัน อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 19,500 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2568

ขณะเดียวกันธุรกิจอื่นๆ ประกอบด้วยธุรกิจโรงแรม ธุรกิจให้เช่า ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเทคโนโลยีของการพักอาศัย และธุรกิจการเงินและการลงทุน มีแนวโน้มอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากอานิสงส์การกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

เรามุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ และธุรกิจอื่นๆ อยู่เสมอเพื่อให้ SA เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร จากการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งที่มีอยู่แล้วและต่อยอดธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่เด่นชัด ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงาน ให้สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น มั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายขจรศิษฐ์ กล่าว

Back to top button