PLT เซ็น MOU เวียดนาม เตรียมบุกตลาดตปท. ลุยขยาย “เช่าเรือ” เสริมแกร่งรายได้

PLT เซ็น MOU พันธมิตรเวียดนาม เตรียมบุกตลาดต่างประเทศ เดินหน้าขยายไปยังธุรกิจเช่าเรือ 2 ลำ ภายใน 3 ปี คาดให้บริการเดือน ก.ค.66 หวังสร้างการเติบโตสู่ระดับ High Growth อย่างยั่งยืนในอนาคต


นายวราวิช ฉิมตะวัน กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีลาทัส มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PLT เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับประเทศเวียดนามในการเดินหน้าขยายธุรกิจเช่าเรือจำนวน  2 ลำ เพื่อให้บริการกับลูกค้าจากเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ค้าแก๊สของบริษัทคือรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยในประเทศเวียดนามมีความต้องการจะเช่าเรือภายใน 3 ปี

ทั้งนี้บริษัทใช้วิธีการให้เช่าเรือพร้อมพนักงานโดยให้ทางผู้เช่าจ่ายค่าเช่าเองเป็นรายเดือน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าเทียบท่า เบื้อต้นคาดว่าจะเริ่มให้บริการตั้งแต่กรกฎาคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะให้เช่าเรือ 1 ลำไปก่อน

นายวราวิช กล่าวอีกว่า บริษัทจะขยายเรือไซส์ใหญ่จำนวน 4 ลำ ภายใน 3 ปีข้างหน้า โดย 2 ลำจะกลับไปในตลาดต่างประเทศ ซึ่งถ้ากลับไปต้องดีขึ้นโดยการขยายเรือไซส์ใหญ่ขึ้นจากเมื่อก่อนขยายเรือได้แค่ 1,500-2,000 ตัน ทำให้ต้นทุนต่อตันถูกลง พอต้นทุนต่อตันถูกลงสามารถเพิ่มค่าเฟรทที่ถูกลงกว่าเดิม ทำให้บริษัทสามารถมีกำไรเพิ่มขึ้น ควบคุมต้นทุนได้ดี เพื่อสร้างการเติบโตสู่ระดับ High Growth อย่างยั่งยืนในอนาคต

ขณะที่ปัจจุบันมีอายุการใช้งานเรือประมาณ 20 ปี แต่เมื่อก่อนบริษัทจะซื้อเรืออายุประมาณ 25 ปี ซึ่งบริษัทมองว่าถ้าซื้อเรือใหม่ อาจจะทำให้ต้นทุนน้ำมันลดลง และไม่มีข้อกำหนด เพราะกำหนดโดยลูกค้า โดยลูกค้าจะเป็นคนตรวจเรือว่าผ่านหรือไม่ หากถ้าบริษัทเลือกเรือที่ดีในราคาที่มีคุณภาพ ก็จะอาจไม่กระทบต่อการซ่อมแซมเรือมาก โดยเรือที่ได้มาส่วนใหญ่ซื้อมาจากประเทศญี่ปุ่น เพราะประเทศของเขามีจรรยาบรรณมากและให้เกียรติการตกลงราคาตอนนั้นเลย

ทั้งนี้ ในการให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวทางเรือ จะใช้เส้นทางเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขตครอบคลุมประเทศไทย (ฝั่งอ่าวไทย) และเรือกลเดินทะเลใกล้ฝั่ง (Near-coastal) ซึ่งบริษัทมีลูกค้าต่างประเทศรองรับอยู่แล้ว ได้แก่ ประเทศกัมพูชาและเวียดนาม

ส่วนการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวทางรถ ใช้เส้นทางในประเทศและต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนในการบริการขนส่ง โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก เป็นกลุ่มผู้ค้ามาตรา 7, สถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ปั๊ม LPG), โรงบรรจุก๊าซหุงต้ม และโรงงานอุตสาหกรรม

โดยลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทและบริษัทย่อยในธุรกิจขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวทางเรือ คือ กลุ่มบริษัทที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายก๊าซ LPG รายใหญ่ในประเทศไทย เช่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT  และ บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP

นอกจากนี้ PLT มีบริษัทลูก บริษัท เวิลด์ไวด์ ทรานสปอร์ต จำกัด หรือ WWT เพื่อให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวทางเรือ โดยทำการว่าจ้างเรือขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวจากบริษัทในลักษณะสัญญาเช่าเหมาเรือแบบระยะเวลา (Time Charter) เป็นเวลา 10 ปี ในการให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวแก่กลุ่มลูกค้า โดย PLT ถือหุ้น 99.99 %

โดยหลังจากนี้ PLT เตรียมนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์แก่นักลงทุน (โรดโชว์) ผ่านระบบออนไลน์ และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ครั้งนี้ จะทำให้ PLT เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นคงมากยิ่งขึ้น

สำหรับธุรกิจของ PLT ดำเนินธุรกิจขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวทางเรือและธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเหลียมเหลวทางรถซึ่งมีผู้เล่นในตลาดน้อยรายเนื่องจากเฉพาะทาง พร้อมกับธุรกิจสามารถเติบโตอย่างสม่ำเสมอด้วยสัญญาการขนส่งระยะยาวจากลูกค้าหลักอย่าง OR, PTT และ WP ได้ตามจำนวนการขนส่งสินค้า ซึ่งจะแตกต่างกับบริษัทเดินเรือทั่วไปหลายบริษัทต้องขึ้นลงตามวัฏจักร หรือดัชนีค่าระวางเรือนายวราวิช กล่าว

Back to top button