ตลท. เปิดเทรด SMK ชั่วคราว 10 เม.ย.-9 พ.ค. ก่อนแขวน SP ยาว
ตลท. เปิดให้ซื้อขายหุ้น SMK ชั่วคราว 10 เม.ย.-9 พ.ค.66 หลังชี้แจงแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว ก่อนขึ้นเครื่องหมาย SP อีกครั้งตั้งแต่ 10 พ.ค.66 จนกว่าจะแก้ไขให้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะกลับมาซื้อขายได้ตามปกติ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ตามที่ได้ประกาศให้หลักทรัพย์ของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงาน กรณีงบการเงินประจำปี 2565 มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าศูนย์ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย NC (Non-compliance) และ SP (Suspension) หลักทรัพย์ของ SMK ต่อมา SMK แจ้งแนวทางฟื้นฟูกิจการที่บริษัทเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นแล้ว โดยการฟื้นฟูกิจการผ่านศาลล้มละลาย ซึ่งปัจจุบันศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้ว และ SMK มีแนวทางแก้ไขเหตุเพิกถอน ได้แก่ การเพิ่มทุนจากผู้ร่วมทุนรายใหม่ การแปลงหนี้เป็นทุน และมีแผนการดำเนินงานเพื่อให้บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติ
ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเห็นควรเปิดให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ SMK ระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้
1.ให้หลักทรัพย์ SMK ซื้อด้วยบัญชี Cash Balance กล่าวคือ ผู้ซื้อต้องช าระเงินทั้งจำนวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์
2.ขึ้นเครื่องหมาย NC กำกับตลอดระยะเวลาที่ให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อเตือนผู้ลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์
3.กำหนดให้หลักทรัพย์ SMK มีราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ไม่เกินหนึ่งเท่าจากราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการซื้อขาย (อย่างไรก็ดี หากในวันที่ 10 เมษายน 2566 ไม่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะใช้เกณฑ์ราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) นี้ ต่อเนื่องไปจนกว่าจะมีการซื้อขายหลักทรัพย์นั้น) และเมื่อได้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ SMK แล้ว ในวันทำการถัดไปราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ของหลักทรัพย์ SMK จะถูกปรับให้เป็นไปตามเกณฑ์ปกติ
ทั้งนี้เมื่อครบระยะเวลาดังกล่าว คือ ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของ SMK โดยขึ้นเครื่องหมาย SP จนกว่าบริษัทจะแก้ไขให้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะกลับมาซื้อขายได้ตามปกติ หรือหากไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ภายในเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจจะเสนอคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพิจารณาเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทต่อไป