ตลท. เปิดภาพรวม SET มี.ค.66 ปรับลง 0.8% ต่างชาติขาย 2 เดือนติด

ตลท. เปิดภาพรวม SET มี.ค.66 ปิดที่ 1,609.17 จุด ปรับลง 0.8% ตามทิศทางตลาดภูมิภาค เผยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2 เดือนติด มองค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ตามส่งออกชะลอตัว


นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)  เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคม 2566 มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายออกจากตลาดหุ้นหลายแห่งในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ผู้ลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิเป็นเดือนที่สองจากที่เคยซื้อสุทธิต่อเนื่อง ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าสอดคล้องกับทิศทางการส่งออกที่ชะลอตัว

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มเริ่มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงกลางปีนี้ อีกทั้งระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ โดยปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก ในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลต่อระบบการเงินไทยอย่างมีนัยสำคัญทำให้เห็น Fund Flow ไหลมายังตลาดพันธบัตรไทย

โดยภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 SET Index ปิดที่ 1,609.17 จุด ปรับลดลง 0.8% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับไปในทิศทางเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นใน ASEAN และปรับลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า

ในเดือนมีนาคมปี 2566 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค

ในเดือนมีนาคม 2566 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 61,250 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 35.9% ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่สอง หลังจากซื้อสุทธิสี่เดือนติดต่อ โดยในเดือนมีนาคม 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 31,494 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11

ในเดือนมีนาคม 2566 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET จำนวน 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR และใน mai จำนวน 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITTHI และบริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON

ส่วน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 15.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.4 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 19.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.7 เท่า

ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 2.91% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.24%

Back to top button