“พงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล” ควัก 4.4 ล้าน เก็บ TGE เพิ่ม ตอกย้ำธุรกิจโตตามแผน
ผู้ถือหุ้นอันดับ 5 “พงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล” ควักเงิน 4.4 ลบ. เก็บหุ้น TGE เพิ่ม 2 ล้านหุ้น หวังดึงความเชื่อมั่นธุรกิจโตตามแผน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า วันนี้ (5 เม.ย.66) มีการรายงานการเข้าซื้อหุ้น บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE จากนายพงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 5 จำนวน 2 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 2.2125 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้มีหลักทรัพย์ที่ถือหลังวันเข้าทำรายการอยู่ที่ 136,400,000 หุ้น โดยเป็นการทำรายการผ่านตลาดหลักทรัพย์
อนึ่งก่อนหน้านี้ TGE มีมติอนุมัติเกี่ยวกับการเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) มีจำนวน 65 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,100 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียน 1,165 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
นอกจากนี้ได้อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 130 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้ แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 2 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 260 ล้านบาท และจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด 5 ราย ตามรายละเอียดดังนี้
1.จำนวน 70,000,000 หุ้น ให้แก่นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี
2.จำนวน 30,000,000 หุ้น ให้แก่นายกิตติโชติ หริตวร
3.จำนวน 10,000,000 หุ้น ให้แก่นายทรรศิน จงอัศญากุล
4.จำนวน 10,000,000 หุ้น ให้แก่นายขันธ์พลร์ ซื่อภาคย
5.จำนวน 10,000,000 หุ้น ให้แก่นายคุณค่า คุณานันทกุล
โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน PP รวมประมาณ 260 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนสร้างโอกาสเติบโตให้กับบริษัทฯ ในระยะยาวต่อไป ได้แก่ 1) โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนตำบลท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร (TES TCN) ซึ่งมีผลตอบแทนที่คาดหวังของโครงการ (Project IRR) : ร้อยละ 12-14 และ 2) โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนตำบลหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท (TES CNT) ซึ่งมีผลตอบแทนที่คาดหวังของโครงการ (Project IRR) : ร้อยละ 11-13
ด้าน นายสุเมธ ลักษิตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TGE เปิดเผยว่า จากแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทที่มุ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายขยายกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 100 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2570 เพื่อก้าวเป็นผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในประเทศไทย และเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2575 เพื่อยกระดับเป็นผู้นำอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค