“เชียงใหม่” แชมป์โลก “มลพิษอากาศ” ผู้ว่าฯ สั่ง WFH-ออกบ้านใส่แมสก์

เว็บไซต์ Air4thai จัดอันดับคุณภาพอากาศของเมืองที่มีค่ามลพิษทางอากาศ (AQI) สูงสุด ณ เวลา 09.15 น. วันนี้ พบ เชียงใหม่ ประเทศไทย ค่า AQI สูงสุดอันดับ 1 อยู่ที่ 341 โดยอยู่ในระดับสีน้ำตาล หรือ “อันตราย” รองลงมา คือ เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ค่า AQI อยู่ที่ 163 และลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน ค่า AQI อยู่ที่ 163

ทั้งนี้ คุณภาพอากาศจากค่า AQI ในแต่ละระดับมีความหมายดังนี้

– สีเขียว ค่า AQI ในช่วง 0-50 คุณภาพอากาศดี

– สีเหลือง ค่า AQI ในช่วง 51-100 คุณภาพอากาศปานกลาง

– สีส้ม ค่า AQI ในช่วง 101-150 คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อผู้ป่วย หรือร่างกายอ่อนแอ

– สีแดง ค่า AQI ในช่วง 151-200 มีผลกระทบต่อทุกคน

– สีม่วง ค่า AQI ในช่วง 201-300 มีผลกระทบต่อทุกคนอย่างรุนแรง

– สีน้ำตาล ค่า AQI ในช่วง 301 ขึ้นไป อันตราย

โดยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ออกประกาศให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง จัดระบบการทำงานที่บ้าน (Work from Home-WFH) โดยให้ดำเนินการเป็นเวลา 1 วัน คือในวันศุกร์ที่ 7 เม.ย. 66 หากสถานการณ์ฝุ่นละออง ยังไม่คลี่คลายจะได้ออกประกาศให้ประชาชนทราบโดยเร็วต่อไป

โดยขอความร่วมมือให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งจัดระบบการทำงานที่บ้าน ในส่วนภารกิจที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริการประชาชน และหากจัดประชุมให้พิจารณาประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสถานบริการ สถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ ร้านอาหาร ขอให้พิจารณาให้บริการห้องปรับอากาศเป็นอันดับแรก เพื่อลดผลกระทบจากหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) อีกทั้งขอความร่วมมือให้บริษัท ห้างร้าน สถานประกอบการ พิจารณาอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือทำงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนที่ไม่กระทบต่อกิจการของบริษัทห้างร้าน หรือสถานประกอบการ เพื่อลดการออกนอกเคหสถาน

สำหรับกลุ่มเปราะบาง อาทิ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ขอให้ลดหรืองดการออกนอกบ้าน พร้อมทั้งให้หน่วยงานของรัฐ พิจารณาเปิดบริการห้องปลอดฝุ่นให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ไม่มีห้องปลอดฝุ่น ให้พิจารณาหยุดการเรียนการสอน และสวนสาธารณะในความดูแลของหน่วยงานภาครัฐ ให้พิจารณาปิดพื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง

ทั้งนี้ เนื่องด้วยจังหวัดเชียงใหม่ มีสถานการณ์หมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมามีค่าเกินค่ามาตรฐาน (อยู่ระหว่าง 112-398 มคก./ลบ.ม) และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน จึงได้ออกประกาศฉบับดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่