“โลตัส” เคาะหุ้นกู้ 5 ชุด ชูดอกเบี้ยสูง 4% ขายทั่วไป เปิดจอง 17-19 เม.ย.นี้
“โลตัส” เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ 5 รุ่น ระหว่าง 2.80% - 4.00% ต่อปีพร้อมเสนอขายผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป 17-19 เมษายน 2566 ผ่าน 9 สถาบันการเงิน มั่นใจกระแสตอบรับดี ชูเรทติ้ง A+ สะท้อนคุณภาพหุ้นกู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าถึงได้
บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำขนาดใหญ่ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) แจ้งอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ 5 ชุด ประกอบด้วย รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.80% ต่อปี อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.54% ต่อปี อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.83% ต่อปี และอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี
โดยจะเปิดจองซื้อผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 9 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน), ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน), ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) รวมถึงทรูมันนี่ วอลเล็ท ในระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน 2566
ทั้งนี้ หุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ “A+” ซึ่งสูงกว่าเกรดขั้นต่ำในระดับลงทุน (Investment Grade) ถึง 5 อันดับ เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งอยู่ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยเป็นการจัดอันดับ ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 สะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกแบบออมนิแชนแนลที่มีช่องทางหลากหลายและครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ นับเป็นการขายให้แก่ผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หลังจากบริษัทเคยออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ “A+” เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจภายใต้การบริหารของ “โลตัส” (Lotus’s) นับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่มีความคุ้นเคยและความไว้วางใจในแบรนด์ และสามารถเข้าถึงการจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางออมนิแชนแนลที่ครอบคลุมทั้งสาขาและออนไลน์
ขณะเดียวกัน ธุรกิจของบริษัทยังครอบคลุมถึงพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย โดยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าหุ้นกู้ “โลตัส” จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปอย่างแน่นอน
ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ “โลตัส” กล่าวเพิ่มเติมว่า หุ้นกู้ “โลตัส” มีกระแสตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่มองหาหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง และให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ขณะเดียวกัน หุ้นกู้ “โลตัส” ยังมีความหลากหลายของอายุหุ้นกู้ให้ผู้ลงทุนทั่วไปมีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงธุรกิจค้าปลีกที่มีแนวโน้มสดใสจากความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ซึ่งทั้งหมดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ ‘หุ้นกู้โลตัส’ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุน
โดยปัจจุบัน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกแบบออมนิแชนแนล ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายหลายรูปแบบ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 “โลตัส” (Lotus’s) มีร้านค้าปลีกจำนวน 2,578 แห่งทั่วประเทศไทย ประกอบด้วยร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 223 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 202 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 2,153 แห่ง ซึ่งธุรกิจในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนระบบการกระจายสินค้าและเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายร้านค้าทั่วประเทศในการเป็น fulfillment center จัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทั่วประเทศไทย รวมทั้งยังร่วมมือกับธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online Marketplace) เพื่อเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภค ตลอดจนการเปิดตัวธุรกิจใหม่ ทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ซึ่งสะท้อนการปรับตัวของ “โลตัส” (Lotus’s) ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน
ทั้งนี้ บริษัทยังเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า โดยมีพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 200 แห่ง (ไม่รวมศูนย์การค้าที่มีการลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท หรือ LPF จำนวน 23 แห่ง) โดยมีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตของ “โลตัส” (Lotus’s) เป็นร้านค้าหลัก โดยในจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด บริษัทฯ ถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าจำนวน 70 แห่ง ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าอยู่ที่ประมาณ 90% โดยบริษัทฯ ถือหน่วยลงทุน 25% ในกองทุนรวม LPF ที่ลงทุนในศูนย์การค้า 23 แห่งทั่วประเทศ
สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ Lotus’s สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=484336&SD=1704256619042566