PACO คว้างานผลิตแอร์รถเกษตร-ก่อสร้าง “คูโบต้า” มั่นใจหนุนรายได้ปีนี้โต 30%
PACO เซ็นสัญญารับจ้างผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรถเพื่อการเกษตรและการก่อสร้างกับกลุ่ม "คูโบต้า" ตั้งเป้า 3 ปีผลิต 6,000 คัน เริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 2/66 หนุนผลงานปีนี้โตตามเป้า 20-30% พร้อมเดินเครื่องเจาะตลาดไทย-อาเซียน
นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO กล่าวว่า PACO เซ็นสัญญารับจ้างผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรถเพื่อการเกษตรและการก่อสร้างกับกลุ่มบริษัทคูโบต้า จำนวนหลายรุ่น อาทิ รถตัก รถไถ รถเกี่ยวข้าว ซึ่งได้ร่วมมือพัฒนาแอร์ทั้งระบบแอร์ คอยล์เย็น คอยล์ร้อน คอมเพลสเซอร์ สายน้ำยา ครอบคลุมระบบปรับอากาศได้แบบครบวงจร โดยมีแผนขยายตลาดในไทยและภูมิภาคอาเซียน
โดยบริษัทได้เริ่มดำเนินการผลิตแล้วตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/66 ที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าการผลิตอยู่ที่ 6,000 คัน ภายในระยะเวลา 3 ปี ในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 500 -1,000 คัน ปี 2567 จำนวน 2,000 คัน และในปี 68 จำนวน 3,000 คัน โดยจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 2/66เป็นต้นไป อีกทั้งยังสามารถช่วยหนุนผลงานปีนี้ให้เติบโตได้ตามที่ตั้งเป้าไว้อีกด้วย
ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจทั้งในต่างประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมียอดคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดผลิตยาวต่อเนื่องไปจนถึงช่วงกลางปี 66 อีกทั้งเตรียมเพิ่มกำลังผลิตอีกประมาณ 20% เพื่อรองรับออเดอร์จากลูกค้าทุกกลุ่ม โดยกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้รายได้ในการผลิตสินค้า Aftermarket มากขึ้น10% ในขณะที่แนวโน้มการเติบโตของงานรับจ้างผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ (OEM) และงานรับจ้างผลิตเพื่อนำไปรองรับการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ตามศูนย์บริการรถยนต์ (OES) ปี 66 คาดจะเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวโดยคิดเป็นสัดส่วน 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% เนื่องจากบริษัทฯเริ่มผลิตชิ้นส่วนแบบ Mass Production ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Plug-in Hybrid ในต้นปีนี้ และจะรับรู้รายได้ส่วนนี้เต็มปีเป็นปีแรก
สำหรับรายได้ปี 66 คาดว่าจะเติบโตตามเป้าประมาณ 20-30% ตามที่ตั้งไว้ บริษัทเตรียมขยายตลาดส่งออก ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ดี เนื่องจากธุรกิจ REM หรือ อะไหล่ทดแทน จะได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ลูกค้าชะลอการซื้อรถใหม่ อีกทั้งปัญหาเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ได้คลี่คลายลงอย่างมาก ทำให้บริษัทสามารถส่งออกเพิ่มขึ้นได้ โดยบริษัทงเน้น ตลาดตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา
ส่วนในประเทศ PACO จะขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub (พาโก้ ออโต้ ฮับ) เพื่อสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศและเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า และสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ แบรนด์ของคนไทย โดยเราตั้งเป้าหมายที่ จะมีร้าน PACO Auto Hub จำนวน 300 สาขาภายในปีนี้ จากปัจจุบันได้เปิดไปแล้วกว่า 250 สาขา ทั่วประเทศ โดยภายในร้านจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คอยล์ร้อนและคอยล์เย็นแบรนด์ PACO เป็นหลัก และมีสินค้าอื่นๆ อาทิเช่น ท่อน้ำยาแอร์ น้ำยาแอร์ เพื่อเป็นการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรในที่เดียว (One-Stop Solution)
ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายการจำหน่ายสินค้าผ่าน PACO Auto Hub ในแง่ของการเข้ามาช่วยสนับสนุนรายได้จากตลาดในประเทศที่มีสัดส่วน 55% ของรายได้รวมในปี 65 ที่จะผลักดันให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องให้ครบ 500 สาขาในอนาคต