IFA ชี้ SABUY เข้าซื้อ SINGER ราคาเหมาะสม-เสริมซินเนอร์ยี่
ที่ปรึกษาการเงินอิสระ ประเมิน SABUY เข้าซื้อหุ้น SINGER ราคาหุ้นละไม่เกิน 27 บาท จำนวน 87.95 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 2.37 พันล้านบาท เห็นควรว่ามีความเหมาะสม พร้อมช่วยให้บริษัทฯ มีโอกาสในการสร้างรายได้จากเงินปันผลและกำไรส่วนต่างราคาหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีตามที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ครั้งที่ 3/2566 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เพิ่มเติมอีกจำนวนไม่เกิน 87,951,300 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นเฉลี่ยไม่เกิน 27 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 2,374,685,100 บาท หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 10.70 ของจำนวนหุ้นชำระแล้วผ่านกระดานซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยเมื่อรวมการซื้อหุ้นสามัญของ SINGER ในครั้งแรกตามมติการลงทุน เพื่อบริหารสภาพคล่องที่รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2566 จะทำให้บริษัทมีการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ SINGER จำนวนไม่เกิน 123,351,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นเฉลี่ยไม่เกิน 27 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 3,330,485,100 บาท หรือคิดเป็นจำนวนร้อยละ 15 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วของ SINGER โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเข้าซื้อหุ้นสามัญ SINGER โดยเป็นการเข้าซื้อเพื่อบริหารสภาพคล่องตามอำนาจคณะกรรมการการลงทุน
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2566 มีมติเห็นควรให้มีการปรับเปลี่ยนราคาการเข้าลงทุนจากราคาหุ้นละ 27 บาท เป็นราคาหุ้นละ 22 บาท
โดยจากประเด็นข้างต้น ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็น มีการวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงของการเข้าทำรายการฯ ดังกล่าวน่าจะมีประโยชน์ต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าทำรายการฯ ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทฯ มีโอกาสในการสร้างรายได้จากเงินปันผลและกำไรส่วนต่างราคาหุ้น (Capital Gain) จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในช่วงระยะเวลาที่ต้องการเนื่องจากเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีสภาพคล่องสูง
นอกจากนี้ ราคาซื้อหุ้นสามัญ SINGER ที่ 22.00 บาทต่อหุ้นนั้นมีราคาใกล้เคียงกับมูลค่าตามบัญชีของงบการเงินของ SINGER ที่ราคาหุ้นละ 21.82 บาท (ฐานจำนวนหุ้นที่ใช้คำนวนไม่รวมจำนวนหุ้นทุนซื้อคืนของ SINGER จำนวน 13.89 ล้านหุ้น)
นอกจากนี้หากพิจารณาถึงที่มาของการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ SINGER ที่สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 15.00 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วของ SINGER ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่าการเข้าทำรายการฯ ของบริษัทฯ น่าจะเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของการลงทุนที่นักลงทุน (โดยปกติจะเป็นบริษัทหนึ่ง) ลงทุนในบริษัทอื่น
โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ได้เปรียบเชิงกลยุทธ์หรือเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง (Strategic Investment) ซึ่งอาจต่างจากการลงทุนทางการเงินแบบดั้งเดิมที่เน้นการสร้างผลตอบแทนทางการเงินเป็นหลัก,การลงทุนเชิงกลยุทธ์(Strategic Investment) มีเป้าหมายทางธุรกิจที่กว้างขึ้น เช่น การเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ การเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการกระจายสายผลิตภัณฑ์ทั้งนี้จะเห็นได้จากที่มาของการลงทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ มีแนวทางในการลงทุนเพื่อให้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 เพื่อมีสิทธิเสนอแต่งตั้งกรรมการเพื่อร่วมกำหนดนโยบายต่างๆ และเพื่อเป็นก้าวแรกในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ว่าจะเป็น JMART หรือ BTS ซึ่งการเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์กับ JMART หรือ BTS น่าจะส่งผลให้ธุรกิจโดยรวมของ SABUY ได้รับผลประโยชน์ในอนาคต
ดังนั้น ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงเห็นว่าการเข้าทำรายการในครั้งนี้จึงมีความเหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยง และต้นทุนทางการเงินที่จะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี จะทำให้บริษัทฯ มีภาระหนี้สินและดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น รวมถึงอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากผลกระทบจากการล้มละลายของ Silicon Valley Bank และ Signature Bank ประกอบกับ การมีแหล่งที่มาของเงินทุนบางส่วนจากการใช้หลักทรัพย์ของบริษัทฯ ที่มีสภาพคล่องเป็นหลักประกันกับบริษัทหลักทรัพย์
ดังนั้น หากราคาตลาดของหุ้นที่บริษัทฯ นำไปเป็นหลักประกันกับบริษัทหลักทรัพย์มีราคาตลาดลดลงต่ำกว่าเงื่อนไขที่บริษัทหลักทรัพย์กำหนดไว้ จะทำให้ บริษัทถูกเรียกเรียกหลักประกันเพิ่ม (Call margin) หรืออาจโดนบังคับขายหลักทรัพย์ (Force sell) ได้
ทั้งนี้ คณะกรรมการการบริษัทฯ ต้องพิจารณาการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทฯและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เป็นสำคัญ
ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่าวิธีการประเมินมูลค่ายุติธรรมที่เหมาะสมที่สุดในการประเมินมูลค่า SINGER ในครั้งนี้คือ วิธีมูลค่าหุ้นตามราคาตลาด และ วิธีมูลค่าปัจจุบันกระแสเงินสด ซึ่งเป็นวิธีที่นักลงทุนนิยมใช้ประเมินมูลค่ากิจการและสามารถสะท้อนความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดในอนาคตได้ ซึ่งได้มูลค่า 20.77 – 35.71 บาทต่อหุ้น และเมื่อนนำราคาซื้อหุ้นสามัญ SINGER ที่ 22.00 บาทต่อหุ้น เปรียบเทียบกับมูลค่ายุติธรรมของ SINGER ที่ประเมินได้จะมีมูลค่าสูงกว่า ต่ำกว่าราคาซื้อขายร้อยละ (5.58) –62.32 จึงสรุปได้ว่าราคาเข้าทำรายการฯ นี้มีความเหมาะสมเนื่องจากราคาซื้อหุ้นสามัญฯ SINGER นั้นอยู่ระหว่างมูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ