EASTW จำนนคืนท่อ “อีอีซี” ตามเส้นตายกรมธนารักษ์ ชี้รายได้ปี 66 หายวูบ 10%
EASTW ยอมคืนท่อส่งน้ำ ”อีอีซี” 2 โครงการ ตามเส้นตายกรมธนารักษ์ พร้อมยอมรับกระทบรายได้ปี 66 หายวูบ 10% เพื่อส่งมอบให้กับ "วงษ์สยามก่อสร้าง" ซึ่งผู้ชนะการประมูลโครงการดังกล่าว
บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯได้รับหนังสือแจ้งการบอกเลิกการเช่า/บริหาร โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล – หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) จากกรมธนรักษ์เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 มีใจความขอให้บริษัทฯ รื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ พร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากพื้นที่ และส่งมอบพื้นที่และทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำทั้งสองให้แล้วเสร็จแก่กรมธนารักษ์ภายในวันที่ 11 เมษายน 2566 นั้น
ทั้งนี้บริษัทฯขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 บริษัทฯ ได้มีหนังสือโต้แย้งความถูกต้องของหนังสือกรมธนารักษ์ข้างต้น พร้อมทั้งชี้แจงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ใช้น้ำหากมีการส่งมอบทรัพย์สินให้แก่กรมธนารักษ์ในวันที่ 11 เมษายน 2566 รวมทั้งข้อเสนอแนะในการวางแผนและกำหนดแนวทางขั้นตอนในการส่งมอบโครงการท่อส่งน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำและเพื่อให้การบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำโดยผู้ประกอบการรายใหม่ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและถูกต้องตามกฎหมาย และแม้ปัจจุบันจะมีหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำและผู้ใช้น้ำ ได้แสดงความห่วงใยและความกังวลเรื่องผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ โดยขอให้มีการจัดทำแผนบริหารงานช่วงเปลี่ยนผ่าน
ประกอบกับบริษัทฯ ยังคงอยู่ระหว่างรอฟังผลคำสั่งศาลปกครองกลางเกี่ยวกับการขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาในคดีที่บริษัทฯ ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งการส่งคืนทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำแต่กรมธนารักษ์ยังคงยืนยันให้บริษัทฯ ดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินแก่กรมธนารักษ์ในวันดังกล่าว
ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งของกรมธนารักษ์ โดยบริษัทฯ ได้ส่งมอบทรัพย์สินในโครงการท่อส่งน้ำให้แก่กรมธนารักษ์แล้วในวันที่ 11 เมษายน 2566 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีสิทธิใช้ประโยชน์ในพื้นที่บางส่วนของโครงการที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนเพื่อใช้ในการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำของบริษัทฯต่อไป
อนึ่งในการส่งมอบ-รับมอบทรัพย์สิน บริษัทฯ ได้สงวนสิทธิ์โต้แย้งตามกฎหมายและสิทธิในการใช้และบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกตามนิติสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ กับกระทรวงการคลัง และกรมธนารักษ์ รวมทั้งสิทธิของบริษัทฯ ในการดำเนินคดีต่างๆ ในศาลปกครองหรือศาลอื่นๆ เพิ่มเติมกับคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเพื่อเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กรมธนารักษ์ และคณะกรรมการที่ราชพัสดุ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด รวมทั้งสิทธิประการอื่นใดตามกฎหมาย ตลอดจนสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายทุกประการที่เกิดขึ้นหรือน่าจะเกิดขึ้นต่อไปด้วย
บริษัทฯคาดว่าการส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าวอาจส่งผลให้รายได้จากการจำหน่ายน้ำดิบของบริษัทฯสำหรับปี 2566 ลดลงไม่เกินร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งปัจจุบันมีการส่งจ่ายน้ำรวมประมาณ 700,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อาจมีรายได้จากการให้บริการในโครงการที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนมาทดแทนบางส่วน ประกอบกับบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำพร้อมก่อสร้างสถานีสูบน้ำเพิ่ม โดยมีความยาวท่อรวมอีกประมาณ 139.08 กิโลเมตร เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และบริษัทฯ มีธุรกิจน้ำครบวงจร ซึ่งในปี 2565 บริษัทฯ ได้ลงนามโครงการน้ำครบวงจรแล้วกว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จึงทำให้บริษัทฯ มีแผนรองรับสถานการณ์การ
สำหรับการคืนท่อส่งน้ำในพื้นที่ “อีอีซี” ดังกล่าวเป็นข้อตกลงของกรมธนารักษ์เพื่อส่งมอบให้กับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด หรือ VSK ซึ่งผู้ชนะการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ภายในวันที่ 11 เมษายน 2566 เพื่อให้ “วงษ์สยามก่อสร้าง” ดำเนินกิจการให้ต่อเนื่อง