“ทิสโก้” แนะสอย 14 หุ้นงบ Q1 แกร่ง SISB-SAPPE นำทีมโตเด่น

“บล.ทิสโก้” มองตลาดหุ้นช่วง 1-2 เดือนนี้อยู่ในโหมดฟื้นตัว แนะ 14 หุ้นเด่นธีมงบไตรมาส 1/66 โตเด่น นำทีมโดย AOT, AU, BBL, BEM, CENTEL, CPALL, MAJOR, PYLON, SAPPE, SEAFCO, SICT, SISB, SNNP และ SPA


บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (18 เม.ย.66) มองตลาดหุ้นไทยช่วง 1-2 เดือนนี้ยังอยู่ในโหมดของการฟื้นตัว หลังปัญหาภาคธนาคารในต่างประเทศคลี่คลาย โมเมนตัมการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และคาดหวังผลกระทบเชิงบวกจากการเลือกตั้งภายในประเทศ แต่ควรหาจังหวะ “ขายทำกำไร” ในช่วงราคาหุ้นปรับขึ้น-ถือเงินสดเพิ่มขึ้น จากมุมมองการลงทุนที่ “ระมัดระวัง” ในช่วงครึ่งปีหลัง หลัก ๆ จาก

1) ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย อิงจาก Jefferies ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของเรายังคงคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่หดตัวในช่วงครึ่งปีหลังและแย่กว่าที่ตลาดประเมินไว้ 2) ห่วงการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าจะกระทบต่อการพิจารณางบประมาณปี 2567  คล้ายการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ทำ ให้งบประมาณมีความล่าช้าถึง 5 เดือน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวส่งผลให้ SET ตอบสนองเชิงลบด้วยการปรับตัวลงเฉลี่ย -1.9% ต่อเดือน (ตัดผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ในเดือน ก.พ. 63 แล้ว)

สำหรับธีมหุ้นเด่นหลังสงกรานต์ มองไปที่ 1) การประกาศผลประกอบการจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นสำคัญในช่วง 1 เดือนข้างหน้า หุ้นที่คาดเบื้องต้นไตรมาส 1/66 มีกำไรเติบโตจากปีก่อน และไตรมาสก่อน แนะนำ AOT, AU, BBL, BEM, CENTEL, CPALL, MAJOR, PYLON, SAPPE, SEAFCO, SICT, SISB, SNNP, SPA ส่วนหุ้นที่เติบโตจากปีก่อน แนะนำ CPN, CRC, ERW, MINT, STEC, WHA

2) หุ้นอิงการบริโภคภายในประเทศและเชื่อมโยงสถิติในช่วงการเลือกตั้ง ADVANC, CPALL, MAKRO, MINT, SC, SCB

3) หุ้นมีสตอรี่เฉพาะตัวและมักปรับขึ้นหลังสงกรานต์ ENERG – PTT, PTTEP, PTG / mai – AU, D / CONMAT – TOA

4) หุ้นเบื้องต้นคาดเข้า SET50 ครึ่งปี หลัง TLI, WHA (ออก JMART, TIDLOR)

ทั้งนี้ หุ้นที่ถูกประเมินว่าจะมีผลประกอบการงวดไตรมาส 2 เติบโต ได้แก่ AOT, SAPPE, SISB

โดย บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ทยอยซื้อ” หุ้น AOT ราคาเป้าหมาย 78 บาท พร้อมมองว่าในไตรมาส 2/66 จะมีกำไรที่ดีขึ้นมาจากการฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว คาดรายได้เพิ่มขึ้น 254.6% จากปีก่อนที่ 10,697 ลบ. จากผู้ใช้บริการโต 195.5% ที่ 26.45 ล้านคน (Dom +67.9%, Inter +816.8%) และเที่ยวบินโต 79.8% เป็น 1.64 แสนเที่ยวบิน (Dom เพิ่ม 33%, Inter เพิ่ม 188.5%) ค่าใช้จ่ายดำเนินงานคาดโต 22.3% เป็นไปตามบริการที่เพิ่มขึ้นจากค่าสาธารณูปโภคและค่าจ้างภายนอกที่เพิ่มตามผู้ใช้บริการ และ SG&A เพิ่มขึ้น 32.9% จากการตั้งสำรองโบนัสตามการดำเนินงำนที่ดีขึ้นและการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นของบริษัทย่อย 2 แห่ง

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SAPPE ราคาเป้าหมาย 68 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 48.4% จากปีก่อน จากรายได้ที่โตดีและอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ในระดับสูง

พร้อมกันนี้ ยังคาดว่ารายได้ในประเทศจะโต 16.7% จากไตรมาสก่อน และ 28.5% จากปีก่อน จากการบริโภคที่ฟื้นตัวและการเปิดตัว 7 สินค้าใหม่ซึ่งรวมถึง BeautiDrink รสใหม่, B’LUE และน้ำวิตามินผสม CBD

นอกจากนี้ยังประทับใจกับรายได้ต่างประเทศที่โตเกินคาด โดยน่าจะเพิ่ม 43% จากไตรมาสก่อน และ 45.8% จากปีก่อน จากเทศกาลรอมฏอนที่เริ่มเร็วกว่าปกติมาอยู่ในไตรมาส 1/66 ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้คาดว่ารายได้รวมไตรมาส 1/66 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.3% q-q, เพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อน

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SISB ราคาเป้าหมาย 33.50 มองว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/66 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.9% จากปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 16.7% จากไตรมาสก่อน คิดเป็น 24.1% ของประมาณการกำไรใหม่สำหรับปี 66

ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมในไตรมาส 1/66 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนโดย 1) จำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 157 คน (จาก 3,114 คนเมื่อสิ้นงวดไตรมาส 4/65

2) ค่าธรรมเนียมสูงขึ้นตามโครงสร้างนักเรียนที่เปลี่ยนไปอยู่ในระดับชั้นที่สูงขึ้น

3) สัดส่วน SG&A/รายได้ลดลง เพราะอัตราการเติบโตของจำนวนนักเรียนสูงกว่าที่คาดเอาไว้ โดยคาดว่าจำนวนนักเรียนจะอยู่ที่ 3,271 คน เพิ่มขึ้น 24.8% จากปีก่อน และโต 5.0% จากไตรมาสก่อน และคาดว่าค่าธรรมเนียมเฉลี่ยจะอยู่ที่ 130,000 บาท/ไตรมาส/คน เพิ่มขึ้น 17.3% จากปีก่อน, เพิ่มขึ้น 1.6% จากไตรมาสก่อน

พร้อมคาดว่ารายได้ของ SISB จะอยู่ที่ 416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.3% จากปีก่อน, เพิ่มขึ้น 6.7% จากไตรมาสก่อน และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 54.0% เพิ่มขึ้นจาก 49.2% ในไตรมาส 1/65 และ 53.3% ในไตรมาส 4/65 นอกจากนี้ ยังคาดว่าสัดส่วน SG&A/รายได้จะลดลง เหลือ 19.0% ในไตรมาส 1/66 จาก 26.5% ในไตรมาส 1/65 และ 19.8% ในไตรมาส 4/65

 

Back to top button