TLI-WHA ตัวเต็ง ลุ้นเข้า SET50 รอบครึ่งหลังปี 66

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากข้อมูลบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50 SET100 สำหรับรอบครึ่งหลังปี 2566 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2566 และมีผลเริ่มใช้ 1 กรกฏาคม 2566

ทั้งนี้ผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 – 19 เมษายน 2566 ซึ่งยังเหลือข้อมูลอีกราว 6 สัปดาห์ โดยให้น้ำหนักผลการคาดการณ์มีความใกล้เคียงสูง และคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้ จะช่วยให้นักลงทุนนำไปปรับกลยุทธ์การลงทุนล่วงหน้าได้ จึงเป็นที่มาของกลยุทธ์การลงทุน SET50-SET100 โดยมีรายละเอียดดังนี้

หุ้นที่คาดจะเข้า SET50 รอบนี้มี 2 บริษัท คือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA คาดมีโอกาสอยู่ที่ 75%

หุ้นคาดจะหลุด SET50 รอบนี้ 2 บริษัท คือ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR คาดมีโอกาสไม่หลุด 66%

หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ TLI, บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG, บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK, บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO, บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA, บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW

หุ้นที่คาดจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC, บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG, บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS, บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX, บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE, บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF, บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY

อย่างไรก็ตาม JMT, WHA, TIDLOR เป็นหุ้น 3 ตัว ประเมินว่าจะมีเพียงหุ้น 2 ตัวเท่านั้นจะได้อยู่ในดัชนี SET50 โดยให้โอกาส WHA มีโอกาสอยู่ที่ 75%, TIDLOR มีโอกาสอยู่ที่ 66% และ JMT มีโอกาสอยู่ที่ 40% ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มดัชนี SET50 รอบครึ่งหลังของปี 2566

สำหรับ JMT มองความเสี่ยงที่จะหลุด SET50 จะสูงขึ้นหากราคาไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 39.5 บาท ได้ในช่วงเวลา 6 สัปดาห์ที่เหลือ โดยใช้มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 61,500 ล้านบาท เป็นจุดตัดออก

อย่างไรก็ตามหากย้อนดูข้อมูลตั้งแต่ปี 2547-2565 พบว่าหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 6.97% ก่อนวัน Effective date 30 วัน ด้วยโอกาสสูงถึง 70% ซึ่งสวนทางกับหุ้นที่ถูกคัดออกที่มักจะปรับตัวลงล่วงหน้าเฉลี่ยราว -2.8% ในช่วงเดียวกัน

สำหรับหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET100 นั้นมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบช่วง 45 วันก่อน Effective date แต่หุ้นที่ถูกคัดออกมักปรับตัวลง คาดเป็นผลจากการที่มูลค่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ใช้เกณฑ์มาตรฐานเป็น SET100 ยังมีค่อนข้างน้อย ทำให้ผลกระทบจากการปรับสมดุลดัชนีมีจำกัด

กลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่เข้า-ออก SET50-SET100 ให้เลี่ยงหุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET50-SET100 และเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดยเลือก TLI, WHA เป็น Top Picks ส่วนหุ้นที่คาดจะหลุด SET50-100 ยังคงแนะนำหลีกเลี่ยงระยะสั้น โดยระมัดระวังการลดน้ำหนักจากกองทุนดัชนี