“หุ้นอิเล็กฯ-ไฟฟ้า” ร่วงหนักกด SET บ่ายรูด 14 จุด

ตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายวันนี้ปรับตัวลง 14 จุด เนื่องจากนักลงทุนขายลดความเสี่ยงหุ้นอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า อีกทั้งกังวลเฟดยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาไม่ค่อยแข็งแรง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 14:52 น. อยู่ที่ 1,551.30 จุด ลดลง 13.80 จุด หรือ 0.88% สูงสุดที่ 1,572.43 จุด ต่ำสุดที่ 1,550.90 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,951.65 ล้านบาท

โดยตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายปรับตัวลงกว่า 10 จุดตามตลาดภูมิภาค นำโดยตลาดจีนปรับตัวลงเกือบ 2% และฮ่องกงลงไป 1.7% จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่วนในประเทศมีแรงขายกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และโรงไฟฟ้า  อย่างไรก็ดีกลุ่มแบงก์ยังมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่น

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายปรับตัวลงไปกว่า 10 จุด สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียจากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาไม่ค่อยแข็งแรง

ขณะที่ยังเผชิญแรงขายหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง DELTA, HANA, KCE หลังหุ้น TSMC บริษัทชิปรายใหญ่ของไต้หวัน เปิดเผยผลประกอบการออกมาดูไม่ดีนัก

อีกทั้งยังมีประเด็นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าในงวด พ.ค.- ส.ค. 66 ในวันนี้ด้วย กดดันหุ้นกลุ่มไฟฟ้า รวมถึงราคาน้ำมันปรับตัวลงต่อเนื่อง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้นักลงทุนมีการขายเพื่อลดความเสี่ยงออกมาก่อน ให้แนวรับไว้ที่ 1,550-1,540 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด

ขณะที่ บล.กสิกรไทย ระบุว่า ประเมินตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,555 – 1,596 จุด โดยนักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจโลก (Soft Landing / Recession / Stagflation) และผลการเลือกตั้งทั่วไปของไทยในวันที่ 14 พ.ค.66 ทำให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดยังเบาบางวันนี้และพรุ่งนี้รอติดตามงบกลุ่มธนาคารที่เหลือ ได้แก่ BBL, KKP, KBANK, และ SCB เป็นต้น ในเชิงกลยุทธ์ทาง KS ยังแนะนำผสานการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Quality growth, Defensive, และกลุ่มพลังงาน

ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ดัชนีอ่อนตัวลงต่อเนื่องพร้อมสร้างต่ำลง แต่ตลาดต่างประเทศเริ่มสร้างฐาน และหุ้นไทยปรับตัวลงแรงก่อนหน้านี้ทำให้ในภาคบ่ายซึมลง

Back to top button