4 หุ้นสื่อ! ลุ้น Q1 ฟื้นเด่น รับเม็ดเงินโฆษณา มี.ค. พุ่งหมื่นล้าน
4 หุ้นสื่อ! ลุ้นไตรมาส 1/66 ฟื้นเด่น รับเม็ดเงินโฆษณา มี.ค.พุ่งหมื่นล้าน ชู PLANB หุ้นท็อปพิค จับตากำไรไตรมาส 1/66 โตดี ดันทั้งปี 66 นิวไฮแตะ 983 ล้าน แนะซื้อเป้า 10.50 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด ระบุว่า เม็ดเงินโฆษณาเดือน มี.ค.2566 มีการใช้งบราว 10,174 ล้านบาท เติบโต 3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะสื่อ TV เป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุด แต่ลดลง 2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนสื่อที่โตมากที่สุดคือ สื่อเคลื่อนที่และ Outdoor โต 26% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่วิทยุเพิ่มขึ้น 9%% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สื่ออินเทอร์เน็ต เพิ่ม 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าวทางทีมงาน “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมข้อมูลหุ้นกลุ่มสื่อ(Media) ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์เด่นสุด มานำเสนอ อาทิ PLANB,VGI, ONEE และ MAJOR โดยคาดว่าเม็ดเงินโฆษณาดังกล่าวจะหนุนให้ผลงานในไตรมาส 1/66 และทั้งปีนี้ฟื้นตัวเด่น เนื่องจากลุ่มสื่อมีผลตอบแทนช่วงก่อนเลือกตั้งที่ดี และบนภาพการเปิดเมือง ทั้งสงกรานต์และเลือกตั้งกระตุ้นกิจกรรมสื่อดังนี้
บล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินกรณีดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มสื่อ อาทิ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB แนะนำราคาเป้าหมาย 10.50 บาท คาดกำไรไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามอัตราการใช้สื่อโฆษณาที่เพิ่มขึ้น โดยเบื้องต้นคาดอยู่ระดับ 58-60% เทียบไตรมาส 1/65 ที่ 52.1% ลดลงเทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามปัจจัยฤดูกาลที่ไตรมาส 4/65 เป็นช่วง high season
โดยประเมินกำไรปี 66 ที่ 983 ล้านบาท โต 40% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เป็น new high ใหม่บริษัท และสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมในปี 62 ที่ 743 ล้านบาท ถึง 32% จากภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยคาด U-rate เพิ่มสู่ระดับ 66% จากปี 65 ที่ 61.4% ในภาวะที่ PLANB เป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรม และ Media capacity ของบริษัทสูงระดับ 9,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจากปี 62 ที่ 5,070ล้านบาท) และธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วมที่คาดฟื้นตัวเด่นจากกิจกรรมที่กลับมาจัดมากขึ้น
ด้านราคาหุ้นซื้อขายบน PER23F ที่ 38 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย และได้อานิสงค์เชิงบวกจากการเลือกตั้ง โดยจากสถิติในอดีต ก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือน กลุ่ม media โอกาสที่ผลตอบแทนเป็นบวก 100% และผลตอบแทนเฉลี่ย 3.5% และธุรกิจจัดอีเวนต์กลับมาจัดมากขึ้น โดยเป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้าน
ส่วนบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE แนะนำราคาเป้าหมาย 9.75 บาท โดยมองเป็นอีกผู้สร้าง Content บันเทิงที่โดดเด่น และมีแหล่งรายได้ครบวงจร (โฆษณา, รับจ้างผลิต, ออนไลน์+ดิจิตัล)
ส่วนแนวโน้มกำไรปี 66 คาด 813 ล้านบาท โต 10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจคอนเสิร์ตและอีเวนท์ มากขึ้น รวมถึง การบริหารศิลปิน ท่ามกลาง รายได้สื่อทีวีที่ยังทรงตัว ในภาวะสื่อโฆษณายังชะลอ ระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 124 ล้านบาท ลดลง 50% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 15% เทียบไตรมาสก่อนหน้า
ด้านราคาหุ้นซื้อขาย PER 23F ที่ 17 เท่า โดยระยะสั้นเน้นเก็งกำไร จากราคายังเป็นโซนได้เปรียบ และกลุ่มสื่อมีผลตอบแทนช่วงก่อนเลือกตั้งที่ดี และบนภาพการเปิดเมือง ทั้งสงกรานต์และเลือกตั้ง กระตุ้นกิจกรรมสื่อ
บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI คาด (วันที่ 25 พ.ค.) รายงานไตรมาส 4/66 (ม.ค.-มี.ค.66) พลิกมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ -65 ล้านบาท จากรายได้เติบโตไม่ทันค่าใช้จ่ายและยังคงมีส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม แต่คาดปี 65/66(เม.ย.65-มี.ค.66) VGI รายงานกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท ฟื้นจากขาดทุนสุทธิ 120 ล้านบาท ในปีก่อน เนื่องจากมีกำไรพิเศษจากตราสารการเงินและการขายเงินลงทุนมาช่วยหนุน แต่ถ้าไม่ รวมรายการพิเศษจะมีผลขาดทุนปกติ -379 ล้านบาท แย่ลงจาก -281 ล้านบาท ในปีก่อน
โดยคาดผลประกอบการไตรมาส 1 (เม.ย.-มิ.ย.66) ฟื้นเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า อย่างค่อยเป็นค่อยไป จากรายได้ค่าโฆษณาเข้าสู่ช่วง High season แต่จะยังคงมีผลขาดทุนจากบริษัทร่วมเป็นตัวฉุด เบื้องต้นคาดขาดทุนกำไรเล็กน้อย และช่วงที่เหลือของปีคาดกำไรจะฟื้นเป็นขั้นบันไดตามรายได้ค่าโฆษณาและบริษัทร่วมมีผลขาดทุนลดลง
ทั้งนี้ VGI ตั้งเป้ารายได้ปี 66/67 (เม.ย.66-มี.ค.67) อยู่ที่ 6-6.5 พันล้านบาท เติบโต 18-28% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 10% สูงกว่าประมาณการของเรา คาดรายได้ 6.2 พันล้าน เติบโต 22% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและอัตรากำไรสุทธิ 6.8% เบื้องต้นยังคงประมาณการเดิม คาดกำไรสุทธิที่ 425 ล้านบาท เติบโต 245% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานต่ำในปี 65/66 (เม.ย.65-มี.ค.66) โดยเปลี่ยนคำแนะนำเป็น Trading Buy (เดิม Neutral) และปรับราคาเป้าหมาย เป็น 4.50 บาท (เดิม 4.78 บาท)
ด้านบล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ทางฝ่ายวิจัยคาดรายได้ปี 2566 อยู่ที่ 8,381 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,033 ล้านบาท มาจากธุรกิจจะฟื้นตัวมากขึ้นในปีนี้ หลังจากกลับมาธุรกิจได้เป็นปกติ ทั้งจำนวนหนังที่เข้าฉายใกล้เคียงก่อนโควิดแล้ว
โดยหนังใหญ่มากกว่าที่ปี 2565 รวมถึงกลับมาเพิ่มโรงภาพยนตร์ 45-50 โรงจากที่ชะลอในช่วงโควิด ซึ่งจะส่งผลดีไปยังธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงโฆษณา และป๊อปคอร์นจะขยายการขายนอกโรงภาพยนตร์มากขึ้นและเปิดตัวใหม่ในการขายเข้าร้านสะดวกซื้อ จะเห็นการเติบโตดีในธุรกิจนี้ โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 23.10 บาท