MAJOR ปลื้ม! IMAX with Laser 3 สาขา กระแสดี เร่งขยายอีก 5 แห่ง
MAJOR ประกาศแผนความร่วมมือ IMAX Corp ครั้งใหญ่กางแผน 3 ปี อัปเกรดเป็นระบบ IMAX with Laser ครบทุกสาขา พร้อมขยายสาขาเพิ่มหลังนำร่องเปิดให้บริการ IMAX with Laser 3 สาขา ได้กระแสตอบรับดีมากจากลูกค้า พร้อมแผนขยายสาขาใหม่ในระบบฉายใหม่ IMAX with Laser จำนวน 5 สาขา
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เปิดเผยว่า หลังจากเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้ประกาศแผนความร่วมมือครั้งใหญ่ ร่วมกับ IMAX Corporation เดินหน้าอัปเกรดให้ครบทุกสาขาและขยายสาขาเพิ่มด้วยระบบการฉายใหม่ที่ทันสมัยที่สุด “IMAX with Laser” ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 3 สาขา ได้แก่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, ไอคอน ซีเนคอนิค และ เมกา ซีนีเพล็กซ์ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา
สำหรับแผนความร่วมมือในอีก 3 ปี นับจากปี 2566-2568 จะดำเนินการอัปเกรดระบบการฉายไอแมกซ์จากระบบดิจิทัลเป็นระบบเลเซอร์ อีก 5 สาขา พร้อมทั้งมีแผนการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์แห่งใหม่เพิ่มอีก 5 สาขา ทำให้ภายในปี 2568 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะมีโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ในระบบฉาย “IMAX with Laser” รวมทั้งสิ้น 13 สาขา ตอกย้ำความเป็นผู้นำโรงภาพยนตร์ที่มอบสุดยอดประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ทันสมัย ได้อรรถรส และสมบูรณ์แบบที่สุดให้กับลูกค้า
ทั้งนี้ ความสำเร็จของภาพยนตร์ Avatar : The Way of Water ที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่แปลกใหม่และดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการฉายในระบบ IMAX with Laser ได้ทำสถิติยอดขายสูงสุด นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการในประเทศไทยเมื่อปี 2541 โดยในปี 2565 การฉายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์สร้างรายได้ไปกว่า 147 ล้านบาท มากกว่ารายได้ของปี 2562 ที่ 140 ล้านบาท ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปี 2566 มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าฉายในโรงไอแมกซ์ เช่น Ant-man and the wasp : Quantumania ซึ่งรายได้กว่า 13% มาจากโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ และ Shazam! Fury of the gods รายได้กว่า 10% มาจากโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์
รวมถึง ยังทำให้ภาพยนตร์ในตำนานอย่าง TITANIC ถูกนำกลับมาฉายใหม่ในรูปแบบ IMAX with Laser 3D ด้วยประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง มีสัดส่วนรายได้มากกว่า 50% มาจากโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ จึงทำให้เห็นว่าการที่โรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ได้นำระบบฉาย IMAX with Laser เข้ามาฉายถือเป็น Magnet สำคัญของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในการดึงดูดผู้ชมให้เข้าชมในโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ เพื่อสัมผัสประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่หาไม่ได้จากการชมภาพยนตร์ที่บ้านหรือที่อื่น ๆ
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรองรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกหลายเรื่องที่จะเข้าฉายในปี 2566 อาทิ Guardians of the Galaxy Vol.3, Mission , Fast X, The Little Mermaid, Impossible-Dead Reckoning Part One, Transformers : Rise of the Beasts, The Flash, Oppenheimer, Indiana Jones and the Dial of Destiny , Blue Beetle , The Marvels, Dune : Part Two และ Aquaman and the Lost Kingdom และยังเป็นปีที่มีภาพยนตร์ซึ่งถ่ายทำเพื่อขึ้นเป็นพิเศษเพื่อดึงศักยภาพของโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์มากมายหลายเรื่อง
อีกทั้ง เพื่อสอดรับกับแผนการเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ในอนาคต เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ IMAX Corporation จึงได้ประกาศแผนความร่วมมือครั้งใหญ่ด้วยการอัปเกรดโรงภาพยนตร์ ไอแมกซ์ให้เป็นระบบ IMAX with Laser ให้ครบทุกสาขา ปัจจุบัน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ทั้งสิ้น 8 สาขา เป็นสาขาในประเทศ 7 สาขา และในประเทศกัมพูชา 1 สาขา โดยเป็นระบบฉายใหม่ IMAX with Laser จำนวน 3 สาขา ได้แก่ โรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, ไอคอน ซีเนคอนิค และ เมกา ซีนีเพล็กซ์ และในระยะ 3 ปีจากนี้ไป (ปี 2566-2568) จะมีการอัปเกรดเป็นระบบฉายใหม่ IMAX with Laser จำนวน 5 สาขา พร้อมแผนขยายสาขาใหม่ในระบบฉายใหม่ IMAX with Laser จำนวน 5 สาขา
ในปี 2566 จะอัปเกรดระบบฉายใหม่ IMAX with Laser เพิ่มอีก 2 สาขา คือ โรงภาพยนตร์ ไอแมกซ์ ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และ ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต พร้อม เปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ ไอแมกซ์ ระบบฉายใหม่ IMAX with Laser ที่ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย ภายในไตรมาส 4
ในปี 2567 จะอัปเกรดระบบฉายใหม่ IMAX with Laser 1 สาขา คือ โรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่
ในปี 2568 จะอัปเกรดระบบฉายใหม่ IMAX with Laser 2 สาขา คือ โรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ที่ เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์ และ Aeon Mall Sen Sok City ประเทศกัมพูชา
พร้อมกันนี้มีแผนที่จะขยายสาขาโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ด้วยระบบการฉายใหม่อีก 4 สาขา ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว