ส่อง 5 หุ้น SET50 ราคา “พุ่งแรง-ดิ่งหนัก” รอบ 4 เดือน
เปิดโผ 5 อันดับหุ้น SET50 ราคา “พุ่ง-ดิ่ง” รอบ 4 เดือนปี 66 (ม.ค.66-เม.ย.66) พบ SAWAD กวาดรีเทิร์นสูงสุด 14% รับแนวโมสินเชื่อขาขึ้น หนุนรายได้โตแกร่ง ส่วน JMART ร่วงสูงสุด 51%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลราคาหุ้นกลุ่ม SET50 ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงและราคาปรับตัวลดลงแรงในรอบ 4 เดือนแรกของปี 66 โดยเปรียบข้อมูลราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.65 – 28 เม.ย. 66 โดยได้คัดเลือกมา 5 อันดับแรกของกลุ่มที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว
โดยกลุ่มหุ้น SET50 ราคาปรับตัวขึ้นแรงในรอบ 4 เดือน 5 อันดับแรก ได้แก่ SAWAD, BH, ADVANC, CENTEL และ BBL ดังตารางประกอบ
สำหรับอันดับที่ 1 ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 48.75 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.65 มาอยู่ที่ระดับ 55.50 บาท ณ วันที่ 28 เม.ย.66 คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 13.85% โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในช่วงดังกล่าวคาดว่ามาจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโต จากสินเชื่อเป็นช่วงขาขึ้น
โดยบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดผลการดำเนินงานของ SAWAD ในไตรมาส 1/66 จะมีกำไร 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมากตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ ถึงแม้จะคาดว่าการตั้งสำรอง และค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นมากด้วยก็ตาม และคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นต่อ แต่คาดว่าการเพิ่มขึ้นของ NPL ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้การตั้งสำรองเพิ่มขึ้น กดดันกำไรให้เพิ่มขึ้นไม่มาก จึงแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 64 บาท
ส่วนกลุ่มหุ้น SET50 ราคาปรับตัวลงหนักในรอบ 4 เดือน 5 อันดับแรก ได้แก่ JMART, JMT, BANPU, EA และ TIDLOR ดังตารางประกอบ
สำหรับอันดับที่ 1 ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 4 เดือน คือ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 40.75 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.65 มาอยู่ที่ระดับ 19.80 บาท ณ วันที่ 28 เม.ย.66 คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 51.41% โดยราคาหุ้นปรับตัวลงในช่วงดังกล่าว คาดนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลกรณี JMART มีโอกาสหลุดจากการคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งหลังปี 66 แต่อย่างไรก็ดีช่วงวันที่ 28 เม.ย.66 ราคาหุ้น JMART ปรับตัวขึ้นแรงหลังจากประกาศซื้อหุ้นคืน 16 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 400 ล้านบาท โดยจะเริ่มซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.66 ถึง 15 มิ.ย.66
ด้าน บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทีมวิเคราะห์ KCS ได้คำนวณหุ้นเข้าออกดัชนี SET50 ในรอบครึ่งหลังปี 66 โดยใช้ข้อมูลจนถึงวันที่ 17 เม.ย. ซึ่งจะเหลือระยะเวลาอีก 1 เดือนครึ่งก่อนที่ข้อมูลจะครบสมบูรณ์ เบื้องต้นคาด SET50 หุ้นเข้า TLI, WHA (โอกาส 60%) ส่วน SET50 หุ้นออก JMART, TIDLOR (โอกาส 40%)
ส่วนปัจจัยพื้นฐาน ได้ประเมินผลการดำเนินงาน JMART มีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าคาด โดยปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ลง 20.7% และ 20.4% มาอยู่ที่ 2 พันล้านบาท และ 2.5 พันล้านบาท ตามลำดับ จากการปรับประมาณการกำไร JMT และ SINGER ลงก่อนหน้าเฉลี่ย -26% และ -27% ตามลำดับ
ทั้งนี้ได้รวมส่วนแบ่งกำไรของ BNN เข้ามาในประมาณการ (คาดราว 200 ล้านบาท จากการถือหุ้น 30%) ชดเชยบางส่วนโดยภาพรวมมองการเติบโตเฉลี่ย 27% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ยังคง conservative กว่าเป้าบริษัทที่ 50% อย่างไรก็ตามยังมี Upside จากการลงทุนใน PRTR, BKD และดีลอื่นๆในปีนี้
อย่างไรก็ดีปรับราคาเป้าหมายปี 66 ลงมาที่ 42 บาท จากเดิม 59 บาท ด้วยวิธี SOTP เทียบเท่า PER ที่ 30 เท่า ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบและ Earnings downgrade ของตลาดไปมากแล้ว เป็นจุดที่ควรเข้าสะสม โดยซื้อขาย PER ปี 66 ที่ 20 เท่า ขณะที่ธุรกิจยังมี upside จากการลงทุนใน PRTR, BKD และดีลอื่นๆ ในปีนี้