AEONTS-MAKRO ท็อปพิก! รับเปิดเทอมเต็มรูปแบบ
โบรกมองหุ้นรับเปิดเทอมช่วงเดือนพฤษภาคม เข้าสู่เทศกาลเปิดภาคเรียน โรงเรียนอนุบาล-มัธยม Onsite เต็มรูปแบบ ยังคงมองบวกต่อหุ้น AEONTS-MAKRO เป็นท็อปพิก ชี้กำไรเติบโตแกร่ง
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า ช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปีจะเป็นช่วงเข้าสู่เทศกาลเปิดภาคเรียนโรงเรียนอนุบาล – มัธยมปลายในรูปแบบ Onsite ซึ่งปกติจะอยู่ในช่วงวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ยกเว้นปี 2563-2564 ที่เป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ซึ่งมีรูปแบบการเรียนเป็น Online และเปิดภาคเรียนช้ากว่าปีปกติ โดยทีมกลยุทธ์ได้ทำการศึกษารวบรวมข้อมูลค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองช่วงเปิดเทอม และแหล่งที่มาของเงินในการใช้จ่ายช่วงเปิดเทอม พร้อมทำการศึกษาผลตอบแทนช่วงเปิดเทอมในอดีตย้อนหลัง 10 ปี โดยไม่รวมปี 2563-2564 ที่มีความผิดปกติจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด
โดยผู้ปกครองจะต้องมีค่าใช้จ่ายทางการศึกษา เช่น ค่าเล่าเรียน, ค่าเครื่องแบบ, ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน และค่าเดินทาง ซึ่งอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายหมวดค่าเล่าเรียนสัดส่วนราว 63.4% ของค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด รองลงมาคือ ค่าเดินทางสัดส่วนราว 23.2%, ค่าเครื่องแบบ 7.3% อีกทั้งค่าหนังสือและอุปกรณ์อีก 6.1% ฯลฯ
นอกจากนี้ พบว่าผู้ปกครองยังมีแหล่งที่มาของเงินในการใช้จ่ายช่วงเปิดเทอม โดยอิงข้อมูลจาก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยหลักๆ จะมาจากการจำนำทรัพย์สินสัดส่วน 26.9%ของแหล่งที่มาของเงินได้ทั้งหมด รองลงมาคือ ยืมญาติ 19.9%, กู้เงินนอกระบบ 18.1%, กู้เงินในระบบ 14.9%, บัตรกดเงินสด 13.5% และอื่นๆ อีก 6.7% ฯลฯ
ขณะที่ภาพรวมโครงสร้างสะท้อนโอกาสการเกิดจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์เชิงพื้นฐาน จากปริมาณการใช้บริการช่วงเปิดภาคเรียน ผสานกับช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งใหญ่ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่น่าจะเห็นเม็ดเงินจากการลงพื้นที่หาเสียงสร้างประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในแต่ละรายพื้นที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น จึงมองเป็นบวกต่อกลุ่มสถาบันการศึกษา, กลุ่มขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า+ทางด่วน), กลุ่มค้าปลีก (จำหน่ายเครื่องแบบ อุปกรณ์การเรียน), กลุ่มห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร ที่ลุ้นให้มีผู้ใช้บริการกลับมาเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และกลุ่มเช่าซื้อ จากการเร่งหาเงินทุนเพื่อนำมาจับจ่าย
ด้านนักวิเคราะห์มีมุมมองบวกต่อหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดภาคเรียน Onsite เต็มรูปแบบอีกครั้ง เพื่อนำหุ้นดังกล่าวมาลงทุนและจะสามารถเก็งกำไรได้ โดยยังคงแนะนำ 2 หุ้นท็อปพิก คือ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS และบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO
ทางฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินว่า AEONTS เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเทอม การเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน และการเลือกตั้ง รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ยังรับมือได้ ซึ่ง NPL Ratio ในช่วงปี 2567 มีโน้มแนวทรงตัว ด้านความเพียงพอของสำรองต่อพอร์ตยังสูง จาก coverage ratio อยู่ที่ระดับประมาณ 190% และ LLR/Loan ที่ระดับประมาณ 10% หนุนกำไรทั้งปี 2566 เติบโต 2.6% ซึ่งมี EPS อยู่ที่ 15.65 บาท โดยอิงราคาหุ้นปัจจุบันจะมีค่า PER ปี 2566 ราว 11.8 เท่า เมื่อเทียบกับย้อนหลังที่ 10.7 เท่า แต่ต่ำกว่าช่วงกรอบสูงสุดที่ซื้อขายช่วงวงจรธุรกิจดีที่ราว 16.7 เท่า และให้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 200 บาท
ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมิน MAKRO ระบุว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 2.15 พันล้านบาท เติบโต 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ยังไม่เด่นมาก แต่มีสัญญาณดีที่เริ่มเห็นการกลับมาของรายได้เติบโต 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยโมเมนตัมไตรมาส 2/2566 คาดว่าจะมีกำไรเติบโตต่อ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และลุ้นเพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยที่จะเริ่มลดลงตามค่า FT ราวประมาณ 0.56 บาท ลดลง 11% จากไตรมาสก่อนหน้า และคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยรายจ่ายจะเริ่มลดลง
นอกจากนี้ ยังมีลุ้นจิตวิทยาบวก คาดว่าจะมีโอกาสเข้าสู่ดัชนี MSCI ที่มีความเป็นไปได้ในรอบนี้ ซึ่งจะประกาศผลวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 โดยยังคงให้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 48 บาท