“นราธิป” นำ SINGER ลุยปั้มตามใจ 5 พันแห่ง “อโณทัย” คุม SGC รุกหนักรถทำเงิน
“นราธิป” นำทัพ SINGER จัดทัพธุรกิจสินเชื่อก้าวสู่ New Chapter เดินหน้าขยายธุรกิจปั๊มตามใจ 5,000 จุด คุม SCG บุกตลาดรถทำเงิน พร้อมตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อปี 66 แตะ 2 หมื่นล้านบาท วางเป้า NPL ใหม่ไม่เกิน 5%
นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ใน SINGER บริษัทก็พร้อมเดินหน้าสานต่องาน SINGER ได้ทันที เนื่องจากอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด และได้ทำงานใกล้ชิดผสาน Synergy ระหว่างกลุ่มบริษัทด้วยกันอยู่แล้ว
โดยการเข้ามาบริหารงานเต็มตัวใน SINGER มุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพ เพื่อการเติบโตแบบยั่งยืน อันได้แก่ คุณภาพของสินค้า คุณภาพของบัญชีและการติดตาม และคุณภาพการให้บริการ โดยได้กำหนดทิศทางในปี 2566 ในการสร้างซิงเกอร์ในรูปแบบใหม่ ได้แก่ 1) การสร้างฐานยอดขายใหม่ จากผลิตภัณฑ์อื่นๆ นอกเหนือจากสินค้าหลักของซิงเกอร์ เช่น โซลาร์รูฟ เฟอร์นิเจอร์ และการผ่อนทอง โดยปรับรูปแบบร้านซิงเกอร์ใหม่ และสินค้า รวมถึงการชำระเงินแบบเงินสดหรือรูปแบบบัตรเครดิตสามารถที่จะเข้ามาซื้อสินค้าในร้านได้เช่นกัน ซึ่งจะมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีซิงเกอร์แฟรนไชน์ 300 แห่ง ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 2,000 แห่ง เพื่อสร้างยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น และเพิ่มช่องทางออนไลน์มากขึ้น รองรับกลุ่มเป้าหมายใหม่
2) ธุรกิจปั๊มตามใจ ที่มีการนำตู้น้ำมันและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของซิงเกอร์ อยู่ร่วมกัน โดยปัจจุบันบริษัทมีตู้น้ำมัน 60 กว่าจุด เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้บริการเติมน้ำมันได้ พร้อมมีบริการสินค้าอื่นๆ ของซิงเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นตู้เติมเงิน ตู้หยอดเหรียญแบบกดน้ำ รวมถึงพิจารณาหาพาร์ทเนอร์ รองรับสำหรับกลุ่มที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญ ผ่านมาตรฐานกรมธุรกิจพลังงานงาน และการันตีความปลอดภัย อีกทั้งสร้างรายได้
3) โดยตั้งเป้าการวางตู้น้ำมันจำนวน 5,000 ตัวทั่วประเทศ ในพื้นที่เชียงใหม่ ระยอง และอีกหลายจังหวัด โดยปัจจุบันมีตู้น้ำมันทั่วประเทศไทยราว 19,000 จุด 4) นำเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำสินเชื่อ มีกลยุทธ์ทั้งหมด 3 ด้าน 1.เดินหน้าทำเรื่องของ e-KYC พร้อมอัปเกรดพนักงานขายพร้อมไปกับลูกค้า ยืนยันตัวตนลูกค้า จะส่งผลทำให้ NPL ของบริษัทดีขึ้น 2.Singer Direct เป็นแอปพลิเคชั่นลดความยุ่งยากขั้นตอนในเรื่องของเอกสาร 3.SG Collect ดูเรื่องของคุณภาพของบัญชี
และ 5) การสร้างแบรนด์ซิงเกอร์ ผ่านการทำ SINGER SEWING MACHINE ACADEMY และการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ โดยเป็นเรื่องของจักรเย็บผ้าในการคอมมูนิตี้ สร้างเวทีให้กับดีไซน์เนอร์เข้ามาประกวด โดยผลิตสินค้าเสื้อผ้าทำเป็นลักษณะของการเดินแฟชั่น ต่อยอดให้กับแบรนด์ ซึ่งจะใช้พื้นที่ Singer Sewing Machine Academy @Jas Kubon รวมทั้งมีบริการเครื่องใช้ระหว่างซ่อมช่วงเดือนมิถุนายน 2566
“SINGER จัดทัพองค์กรใหม่เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ยังคงผสาน Synergy กับกลุ่มบริษัทในเครือ JMART เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตให้แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือกับ เจมาร์ท โมบาย ในการจำหน่ายสินค้าซิงเกอร์ผ่านทางช่องทางต่างๆ ของเจมาร์ท และการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าซิงเกอร์เข้าไปสู่โปรเจ็กต์ต่างๆ ของ เจเอเอส แอสเซ็ท และ โครงการบ้านมือสอง ของ เจ แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ รวมถึงตั้งใจเข้ามาตั้งเป้าหมายปรับแผนธุรกิจใหม่ให้กับบริษัท พร้อมดัน พอร์ตสินเชื่อรวมแตะระดับ 20,000 ล้านบาท หรือโตประมาณ 35% จากปีก่อน แบ่งเป็นพอร์ตสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (C4C) ภายใต้แบรนด์รถทำเงินของ SGC ประมาณ 7,700 ล้านบาท และวางเป้าหมายควบคุมอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) สำหรับสินเชื่อใหม่ในปีนี้ไม่เกิน 5%” นายนราธิป กล่าว
นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC กล่าวว่า ภายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการใน SGC เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถผสานความร่วมมือกับบริษัทในเครือได้เป็นอย่างดี โดยการเข้าตลาดหุ้นของ SGC เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งด้านเงินทุนมากขึ้น และทำให้บริษัทสามารถขยายการเติบโตด้วยต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เป็นโอกาสให้ SGC บุกตลาดรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
โดยปีนี้จะเน้นสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ภายใต้แบรนด์ “รถทำเงิน” โดยมุ่งเน้นรถบรรทุกเป็นหลัก ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว และเป็นตลาดที่ SGC เชี่ยวชาญ รวมทั้ง การออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อ C4C นั้น มีสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของพอร์ตสินเชื่อของ SGC ทั้งหมดแล้ว
“ในปีนี้ SGC ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อโตแตะระดับ 20,000 ล้านบาท และมุ่งสู่เป้าหมาย 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 จาก ณ สิ้นปี 2565 มีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 14,897 ล้านบาท โดยจะให้ความสำคัญในการอนุมัติสินเชื่ออย่างรัดกุม เพื่อควบคุม NPL ของสินเชื่อใหม่ ให้อยู่ในระดับต่ำ หรือวางเป้าไม่เกิน 5% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคตให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ” นายอโณทัย กล่าว
นอกจากนี้ มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนของลูกค้ารายย่อย ของสินเชื่อ C4C จาก 37% ให้เพิ่มเป็น 60% ภายใน 3 ปี ซึ่งจะสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น และการนำเอาระบบการอนุมัติสินเชื่อที่ใช้เทคโนโลยีในการพิจารณามากขึ้น โดยได้วางแผนในการลงทุนในการพัฒนาระบบสินเชื่อใหม่เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทในปีนี้
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ SGC ประกอบด้วย 1. สินเชื่อประเภทให้เช่าซื้อรถยนต์แบบโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (รถบรรทุก รถยนต์นั่ง ส่วนบุคคล รถยนต์เพื่อการพาณิชย์) ภายใต้แบรนด์ “รถทำเงิน” 2. สินเชื่อเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในครัวเรือน (Home Appliances) เครื่องใช้ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (Commercial Appliances) 3. สินเชื่อสวัสดิการพนักงาน (Debt Consolidation) และ 4.สินเชื่ออื่นๆ โดยจะมีแผนในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ เช่น การผ่อนเครื่องจักรทางการเกษตร และสินเชื่อบ้านและที่ดินภายในปี 2566 นี้