ITEL มั่นใจกำไรปีนี้โต รุกจับมือ Edge Centres เปิดตัว Data Center แห่งแรก “เชียงใหม่”
ITEL เปิดงบไตรมาส 1/2566 กวาดรายได้ 556 ล้านบาท กำไร 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน ล่าสุดจับมือ Edge Centres ยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากออสเตรเลีย เปิดตัว Data Center อย่างเป็นทางการแห่งแรกที่ “เชียงใหม่” ในชื่อ “EC61” คาดหนุนผลงานปีนี้เติบโต
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ที่มีความเสถียรภาพสูงสุดทั่วประเทศไทย เปิดเผยถึงงบการเงินไตรมาส 1/2566 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2566) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 556 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท หรือ 5.82% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยรายได้หลักในไตรมาส 1/2566 มาจากธุรกิจให้บริการโครงข่าย ที่มีรายได้ 312 ล้านบาท ธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่าย จำนวน 207 ล้านบาท และธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ จำนวน 24 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยรวมทุกธุรกิจอยู่ที่ 27% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 22% โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยรวมทุกธุรกิจที่ 22 – 25%
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2566 เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับงานใหม่เพิ่มเติม โดยในเดือนเมษายน ได้รับงานวางระบบโครงข่าย ระบบเคเบิลใยแก้วนำแสง และอุปกรณ์ประกอบระบบ พื้นที่ จ.กาญจนบุรี พร้อมติดตั้ง ตามโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมทหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวน 1 งาน มูลค่า 39,500,000 บาท (สามสิบเก้าล้านห้าแสนบาทถ้วน) ซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนค่าติดตั้ง ค่าฝึกอบรม ค่าภาษีอากรอื่นๆ ค่าตรวจทดลองหรือทดสอบ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงด้วยแล้ว
ล่าสุดในเดือนเมษายนนี้เช่นกัน บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับ Edge Centres พันธมิตรดาต้า เซ็นเตอร์ ระดับโลกจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อจัดตั้ง ศูนย์สำรองข้อมูล หรือ Data Center อย่างเป็นทางการแห่งแรกในประเทศไทยกลางเมือง จ.เชียงใหม่ ในชื่อ “EC61” (E-C-Sixty-One) ซึ่งเป็นศูนย์สำรองข้อมูลแบบไฮเปอร์สเกล ที่ออกแบบ สร้าง และจัดส่งโดยใช้เทคโนโลยี 5G ล้ำสมัย ด้วยการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่โดยพึ่งพาพลังงานจากสาธารณูปโภคน้อยที่สุด และระบบประมวลผลที่ทันสมัยได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ
สำหรับภาพรวมในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งฐานลูกค้าเก่าที่เข้ามาใช้บริการ และต่อยอดความสำเร็จในการขยายบริการเพิ่มเติม เช่น งาน Drone & Anti-Drone, งาน Smart CCTV และอื่นๆ โดยอาศัยจุดแข็งจากโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโครงข่ายที่เหนือระดับ ทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า สร้างรายได้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าผลงานโดยรวมปีนี้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
พร้อมกันนี้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ประจำปี 2566 ได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.0635 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล หรือ Record date ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2566