JAS คาดจบดีลขาย “3BB-JASIF” มิ.ย.นี้ หนุนปลดล็อคเครื่องหมาย C
JAS คาดจบดีลขาย “3BB-JASIF” มิ.ย.นี้ พร้อมเข้าลงทุนธุรกิจใหม่ตามแผน หนุนกระแสเงินสดเพิ่ม ช่วยปลดล็อคเครื่องหมาย C ส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50%
นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ชี้แจงกรณีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย C หลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว
เหตุที่ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลงต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของทุนชำระแล้ว เนื่องจากรายได้หลักจากธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตลดลง จากการแข่งขันด้านราคารุนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าใช้จ่ายปรับเพิ่มสูงขึ้นจากการขึ้นอัตราค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสง (OFC) ของ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) อีกทั้งธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนใน บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB ให้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) เสร็จไม่ทันภายในไตรมาส 1/66
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนใน 3BB ให้แก่ AWN ที่มีมูลค่า 32,420 ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คาดว่าน่าจะได้รับการอนุมัติภายในเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าภายในเดือนมิ.ย.นี้
โดยหลังจากนั้นบริษัทสามารถบันทึกกำไรจากธุรกรรมดังกล่าว และมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้มีสถานภาพทางการเงินที่เข้มแข็ง และลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ตาม Roadmap ที่วางไว้ได้ อาทิ ธุรกิจพลังงานสะอาด (JASGREEN) ธุรกิจให้บริการการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัล (JAS Care) ตลอดจนธุรกิจต่างๆ ของ กลุ่มบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “กลุ่ม JTS” ซึ่งได้แก่ ธุรกิจสินทรัพย์ ดิจิทัล และเทคโนโลยี โซลูชั่น ที่เน้นการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ เหมืองขุดบิตคอยน์ โดยมีการลงทุนใน Solar Farm ขนาด 3.8 MW เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าในการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ และสร้างรายได้เพิ่มจากการขายคาร์บอนเครดิต
นอกจากนี้ JTS ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ อาทิ ธุรกิจ FinTech เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ ผ่านเครือข่าย Lightning Network ของบิตคอยน์ ที่จะช่วยให้การโอนเงินระหว่างประเทศมีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง จึงขอให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั่วไป มั่นใจได้ว่า บริษัทจะสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงต่อไป