คัด 12 หุ้นน่าเก็บ รับนโยบายพรรคแกนนำ “ก้าวไกล” เน้นรัฐสวัสดิการ
“กรุงศรี พัฒนสิน” แนะซื้อเก็งกำไร 12 หุ้นเด่น BBL-ADVANC-CRC-SAWAD-GLOBAL-OSP-MC-SABINA-TOA-ICHI-AEONTS-KBANK ลุ้นรับอานิสงส์รับนโยบายพรรคแกนนำ “ก้าวไกล” เน้นรัฐสวัสดิการ-ปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิบทวเคราะห์เกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงหลังการเลือกตั้ง 66 เสร็จสิ้นว่า มีโอกาสสูงที่จะเห็นการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลใหม่ ล่าสุด “พรรคก้าวไกล” ประกาศความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้านเดิม คือ พรรคก้าวไกล+เพื่อไทย+ประชาชาติ+ไทยสร้างไทย และ เสรีรวมไทย รวมแล้ว 308 เสียง ทำให้มีโอกาสได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ (307-370 เสียง) ถือเป็นภาพบวกในส่วนการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ในระยะกลาง-ยาว
สำหรับไทม์ไลน์ หลังการเลือกตั้งที่ต้องติดตาม ดังนี้
การรับรองผลเลือกตั้ง: กกต. ประกาศผลการเลือกตั้งไม่ช้ากว่า 60 วันนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง คือต้องรับรองผลเลือกตั้งภายใน 13 ก.ค. 2566
การประชุมรัฐสภาครั้งแรก: ตามมาตรา 121 คือ ภายใน 15 วันนับตั้งแต่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง การประชุมรัฐสภาครั้งแรก คือภายใน 28 ก.ค.2566
การเลือกนายกรัฐมนตรี: รัฐธรรมนูญไม่ได้มีกรอบเวลาการเลือกนายก
ส่วนนโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคแกนนำรัฐบาล คือ พรรคก้าวไกล โดยนโยบายหลักๆ ตามที่หาเสียงไว้ก่อนหน้า คาดจะเกิดขึ้นในช่วง 4 ปีข้างหน้าหลักๆ คือ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาท, ประกันสังคมถ้วนหน้า เจ็บป่วยได้เงินชดเชย, ค่าเดินทางหาหมอ, เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง, คูปองเปิดโลก, หวยใบเสร็จ (SME), ปฏิรูประบบราชการ เพิ่มประสิทธิภาพใช้เทคโนโลยีมาช่วย, ลดค่าไฟทันที 70 สตางค์/หน่วย, ปักธงไทยในอุสาหกรรมชิป ฯลฯ
สำหรับกลยุทธ์มองชุดหุ้นน่าเก็งกำไร อิงเกณฑ์สถิติผลตอบแทนดี ความน่าจะเป็นสูง ปัจจุบันมีพื้นฐานน่าสนใจ ผสานกลุ่มที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากนโยบายแกนนำพรรคก้าวไกลที่เน้นไปในเรื่องรัฐสวัสดิการ (เพิ่มกำลังซื้อประชาชน) การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก และการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ คือ BBL, ADVANC, CRC, SAWAD, GLOBAL, OSP, MC, SABINA, TOA, ICHI, AEONTS, KBANK โดยแต่ละบริษัทมองจุดเด่นทางพื้นฐานน่าสนใจ ดังนี้
หุ้นเด่นธีม Election Play | |||
หุ้น | ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) | ราคาล่าสุด 15 พ.ค.66 (บาท/หุ้น) | อัพไซด์ (%) |
ADVANC | 252.00 | 162.00 | 55.56 |
TOA | 41.00 | 30.25 | 35.54 |
MC | 16.00 | 12.00 | 33.33 |
ICHI | 15.60 | 12.90 | 20.93 |
KBANK | 160.00 | 137.00 | 16.79 |
CRC | 50.00 | 45.25 | 10.50 |
SAWAD | 65.00 | 59.50 | 9.24 |
SABINA | 32.00 | 29.50 | 8.47 |
GLOBAL | 20.00 | 18.60 | 7.53 |
OSP | 31.00 | 30.50 | 1.64 |
AEONTS | 200.00 | 200.00 | 0.00 |
BBL | 200.00 | 211.00 | -5.21 |
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ราคาเป้าหมาย 252 บาท โดยกำไรปกติกลับมาเติบโต 5% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 3% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ราคาเป้าหมาย 200 บาท เป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังมีความแข็งแกร่งด้านคุณภาพสินทรัพย์ และความเพียงพอของสารองต่อพอร์ตสูงสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ ทำให้คาดกำไรสุทธิปี 2566 เติบโตเด่นสุดที่ 26% เมื่อเทียบจากปีก่อน สูงกว่ากลุ่มที่ 14% เมื่อเทียบจากปีก่อน ปัจจุบันซื้อขาย PBV ปี 2566 ที่ราว 0.6 เท่า vs ค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 1.1 เท่า
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ราคาเป้าหมาย 50 บาท โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 ดีกว่าคาด สะท้อนภาพการบริโภคฟื้นตัวเร่งและเป็นหนึ่งในหุ้นได้ประโยชน์สูง ขณะที่ยังคงมองบวกต่อเนื่องตามการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตลอดทั้งปี โดย SSSG ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 จนถึงปัจจุบันเกิน 10% ผสานกับแรงกดดันจากต้นทุนค่าไฟผ่อนคลายลงตั้งแต่พ.ค.2566 ดังนั้น จึงคงคาดกำไรสุทธิทั้งปีโต 21% ประกอบกับอานิสงส์การมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ หากนโยบายต่างๆ ของพรรคก้าวไกลหนุนกำลังซื้อดีขึ้น คาดมีโอกาสได้ประโยชน์ PER ปี 2566 อยู่ที่ 31 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มค้าปลีกที่ซื้อขายระดับ 35 +/- บาทในช่วงวงจรกำไรเติบโตดี
บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ราคาเป้าหมาย 65 บาท คาดรับประโยชน์ชัดเจน หากเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเร่งและกระจายตัวขึ้น ขณะที่กำไรระยะสั้นยังอยู่ในเกณฑ์ดี คาดไตรมาส 1/2566 อยู่ราว 1.2 พันล้านบาท โมเมนตัมกลับมาเติบโต ตลาดคาดงวดไตรมาส 1/2566 เติบโต 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 2% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และดีต่อเนื่องระยะถัดไป โดยเฉพาะผลบวกจากการกลับไปถือ Fast Money แทนธนาคารออมสิน ลดแรงกดดันด้านการแข่งขัน รวมถึงเปิด Upside ต่อกำไรของ SAWAD เพิ่มเติม
บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ราคาเป้าหมาย 20 บาท คาดรับประโยชน์ชัดเจน หากเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเร่งและกระจายตัวขึ้น กำาไรระยะสั้นไตรมาส 2/2566 ยังอาจจะลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อน แต่เริ่มเห็นภาพฟื้นตัว เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน สะท้อนผ่านจุดแย่ โดยทั้งปี 2566 คาดกำไรลดลง 11% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยยังไม่รวม Upside โอกาสได้ประโยชน์นโยบายหลักพรรคก้าวไกล และราคาเหล็กที่มีโอกาสดีดตัวแรง หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวเร่ง
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ราคาเป้าหมาย 31 บาท คาดรับประโยชน์หากเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเร่งและกระจายตัวขึ้น ขณะที่ภาพธุรกิจเริ่มเห็นจุดเปลี่ยนในไตรมาส 1/2566 ในรอบหลายไตรมาส กลยุทธ์ปรับราคา เริ่มสร้างผลเชิงบวก หลังคู่แข่งทยอยปรับราคาตาม และ Market share มี.ค. เริ่มฟื้นตัวแล้ว พร้อมกับ Gross margin ฟื้นตัว ทั้งจากปริมาณผลิตสูงขึ้นและปรับปรุงประสิทธิภาพผลิต และประเมินกำไรปี 66 เทิร์นอะราวด์ที่ 2.8 พันล้านบาท เติบโต 45% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยกำไรรายไตรมาส คาดฟื้นตัวเมื่อเทียบจากปีก่อน ได้ต่อ โดยเฉพาะไตรมาส 2/2566 จะได้ประโยชน์ค่าไฟปรับลง
บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ราคาเป้าหมาย 16 บาท คาดรับประโยชน์ หากเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเร่งและกระจายตัวขึ้น ภาพ outlook ที่ยังแข็งแกร่ง และกำไรกำลังฟื้นตัวและเดินหน้าสู่จุดสูงสุดเดิมในปี 2559 ที่ 843 บาท (ราคาหุ้นอยู่โซน 20 บาท) โดยแม้ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นแรง 20% MTD แต่มองยังอยู่ระดับที่ไม่แพง คิดเป็น PER ปี 2567 เพียง 13 เท่า เทียบกลุ่มฯที่ 20 เท่า และจ่ายปันผลสูงระดับ 6-7% ต่อปี
บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ราคาเป้าหมาย 32 บาท คาดรับประโยชน์ หากเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเร่งและกระจายตัวขึ้น ระยะสั้น คาดกำไรไตรมาส 2/2566 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ทรงตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากยอดในประเทศฟื้นตัว หักล้างยอด OEM ที่เลื่อนไปส่งมอบในไตรมาส 3/2566 แทน โดยภาพทั้งปี 2566 ยังเป็นเชิงรุกคาดรายได้เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบจากปีก่อน ภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ราคาเป้าหมาย 41 บาท คาดรับประโยชน์ หากเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเร่งและกระจายตัวขึ้น ขณะที่มองกำไรปี 2566 ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบจากปีก่อน ถือเป็นปีที่ดีภายใต้ต้นทุนทยอยปรับลงทั้ง Oil linked (18% ของต้นทุน) ซึ่งสต็อคสั้น บวกต่อต้นทุนไว, Tio2 (20% ของต้นทุน) ปรับสูตรลดต้นทุน และเงินบาทเป็นโซนแข็งค่า ขณะที่ ธุรกิจแกร่งด้วย Market share ตลาดสีเกือบ 50% พร้อมเพิ่มฐานรายได้ต่อยอดไปกลุ่มต้นน้ำจากสินค้าวัสดุก่อสร้างอื่นเพิ่มเติม (เคมีก่อสร้าง, ยิปซั่ม, กระเบื้อง,เครื่องมือช่าง ปัจจุบันเป็นจุดสะสมหลังราคาปรับลงมาและซื้อขาย PER ปี 2566 เหลือ 27.3
บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ราคาเป้าหมาย 15.6 บาท คาดรับประโยชน์ชัดเจน หากเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเร่งและกระจายตัวขึ้น ปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2565-4/2565 จากตลาดชาเขียวกลับมาโต พร้อมกับกลยุทธ์คงราคาที่ผลตอบรับดี รวมถึง รายได้เสริมทั้ง สินค้าใหม่, งาน OEM และต้นทุนปรับลง จะส่งผลบวกต่อทั้งรายได้ และอัตรากำไร โดยระยะสั้น คาดไตรมาส 2/2566 จะเป็นจุดพีคของปี เพิ่มเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน หุ้นซื้อขาย PER ปี 2566 ที่ 22 เท่า ยังต่ำกว่ากลุ่มเครื่องดื่มซึ่งสูง 25 – 30 เท่า
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ราคาเป้าหมาย 160 บาท ธุรกิจผ่านจุดแย่ และจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น มองกำไรปี 2566 ที่ 3.97 หมื่นล้านบาท เติบโต 11% เมื่อเทียบจากปีก่อน ลุ้นภาพบวก Fund Flow ต่างประเทศ หลังเลือกตั้ง GDP เริ่มฟื้นเร่งขึ้น ขณะที่ PBV ปี 2566 อยู่ที่ 0.6 เท่า ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าราคาหุ้นที่ลงมาระยะสั้นในวันนี้เกิดจากปัจจัยความกังวลความเสี่ยงเรื่องการปรับโครงสร้างกลุ่มทุนขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแนวโน้มการผสานระหว่างรัฐบาลก้าวไกลและเพื่อไทยน่าจะทำให้เศรษฐกิจฐานรากรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียน จะยังสามารถเติบโตได้ระยะกลาง จึงมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจดีและราคาปรับลงมามากแต่ได้รับผลกระทบน้อยในระยะสั้น