RML โกยยอดขาย Q1 แตะ 518 ล้าน โต 63% แย้มไตรมาส 2 สดใส รับดีมานด์ฟื้น

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด มหาชน หรือ RML เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2566 บริษัทมียอดขายรวม 518 ล้านบาท เติบโต 63% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 318 ล้านบาท โดยบริษัทมีผลงานที่ดี เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการ “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์” โดยสิ้นไตรมาสแรก ยอดโอนดีเกินคาด ส่วนยอดขายกวาดไปแล้วกว่า 85% อีกทั้ง “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์” มียอดขายแล้วถึงประมาณ 90%

รวมถึงบริษัทยังมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานเกรดเอ ระดับลักชัวรี่ อย่างโอซีซี (วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์) ที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่รีเทล รวมถึงความสนใจจากลูกค้าแล้วประมาณ 70% ตอกย้ำแบรนด์ RML ที่ลูกค้าเชื่อมั่นและไว้วางใจ

ขณะเดียวกันปีที่ผ่านมาจวบจนถึงปีนี้ บริษัทสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้ดี จากกลยุทธ์แอสเสท ไลท์ (Asset light) ที่ไม่ต้องซื้อที่ดิน แต่ใช้ที่ดินของเจ้าของที่ดินในการพัฒนาโครงการ ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าที่ดินและต้นทุนทางการเงินจากการพัฒนาโครงการในอนาคต สร้างเสถียรภาพทางการเงินมากขึ้น

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2566 บริษัทจะมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ เพื่อให้บริษัทมีรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง และก้าวเข้าสู่แบรนด์อันดับ 1 ที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาฯ ระดับลักชัวรี่ และอัลตร้าลักชัวรี่

นอกจากนี้มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 4,959 ล้านบาท ลดลงจาก 4,965 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 สืบเนื่องมาจากการทยอยโอนการกรรมสิทธิ์ของโครงการ “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์” ที่เริ่มโอนตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2/2566 มองว่ามีแนวโน้มสดใสจากปัจจัยบวกของเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น โดยความต้องการซื้ออสังหาฯ ระดับลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ยังคงคึกคักทั้งจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ทั้งพม่า, กัมพูชา, จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และรัสเซีย ซึ่งพิสูจน์จากยอดขายไตรมาสแรกที่ผ่านมา ซึ่งแผนธุรกิจของบริษัทในไตรมาสนี้ จะเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น ประเดิมด้วยการจัด “RML Pop-Up Lounge” มอบข้อเสนอสุดเอ็กคลูซีฟให้ลูกค้า ครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลามในไตรมาสแรก

รวมทั้งยังจัดแคมเปญทางการตลาด เพื่อมุ่งปิดการขายยูนิตที่เหลืออีก 15% ของโครงการ “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์” ตลอดจนยังคงหาผู้เช่า “โอซีซี” เพื่อเติมเต็มพื้นที่เช่าของอาคารทั้งหมด 61,000 ตารางเมตร

“ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานต่อจากนี้ไปจะมุ่งมั่นทำให้ผลประกอบการของบริษัท ปรับเพิ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้อีกจำนวนมากจากการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์” ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2566 และยอดขายจากโครงการ “โรสวูด เรสซิเดนซ์เซส กมลา” (Rosewood Residences Kamala) จังหวัดภูเก็ตที่เตรียมเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ (Private Sales) ในครึ่งปีหลัง ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะเป็นโครงการอัลตร้า ลักชัวรี่ แบรนด์เด็ด เรสซิเดนซ์ (Ultra-Luxury Branded Residence) รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทยอย่างแน่นอน” นายกรณ์ กล่าว