DV8 ชู 5 แนวทางแก้ส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% เร่งปลดล็อกเครื่องหมาย “C”

บริษัท ดีวี8 จำกัด (มหาชน) หรือ DV8 เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ขึ้นเครื่องหมาย “C”  บนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯตามงบการเงินไตรมาส 1/2566 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 โดยบริษัท มีส่วนของผู้ถือหุ้นต่อทุนชำระแล้วคิดเป็นร้อยละ 28.83

ทั้งนี้บริษัทฯขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) แล้วเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 เวลา 14.15 น. ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่านช่องทาง C-Update ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประทศไทย โดยบริษัทฯ ขอรายงานผลการสรุปการจัดประชุมดังนี้

สำหรับที่มาของปัจจัยปัญหา ปี 2562 ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นในปี 2562 เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้หนี้สงสัยจะสูญจากบริษัทร่วม คือ บริษัท ฮีโร่ เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด จำนวน 90 ล้านบาท ส่วนแบ่งผลขาดทุนจากบริษัทร่วม บริษัท ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด จำนวน 107 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 197 ล้านบาท

อีกทั้งในปี 2564 การแพร่ะบาดของเชื้อไวร้สโคโรนา 2019 (COVID-19) รมทั้งทางรัฐบาลมีประกาศขอความร่วมมือในการ WFH 100%เพื่อหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา ส่งผลให้คู่ค้าชะลอการใช้สื่อโฆษณา รวมทั้งผลกระทบจากการที่บริษัทฯ ไม่สามารถจัดงานอีว้นท์ต่างๆ ได้ตามที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งจาก 2 ปัจจัยข้างต้นสงผลทำให้รายได้ของบริษัทฯลดลง

ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาของบริษัทฯคณะกรรมการ และคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งฝ่ายบริหารของบริษัทฯ ได้มีการประเมินสถานการณ์การลดลงของสวนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตลอดมา แต่ผลกระทบที่ได้รับทำให้งบการเงินไตรมาสที่ 1/66 สวนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ต่ำกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับนชำระแล้วของบริษัทฯ และบริษัทฯมีแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้นภายใต้กรอบระยะเวลา 12 เดือน ดังนี้

1.เพิ่มรายได้ในสวนงานธุรกิจหลัก, 2.เพิ่มรายได้จากการจัดงานอีเว้นท์และกิจกรรมต่าง ๆ, 3.ปรับโครงสร้างส่วนของผู้ถือหุ้น, 4.มุ่งหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจหลัก และ5.ศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท

อย่างไรก็ตามความเสี่ยงและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นสภาวะเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางการเมือง อาจมีผลกระบให้คู่ค้าชะลอการใช้สื่อโฆษณา และอาจสงผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถจัดงานอีเว้นท์ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ในปี 2566