SA ส่ง 2 โครงการใหม่ 3.4 พันล้าน บุกย่านรังสิต
SA เปิดตัวบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม 2 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 3.4 พันล้านบาท บุกย่านรังสิต เจาะกลุ่ม Real Demand
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม 2 โครงการใหม่ โดยเป็นการนำแบบบ้าน 2 แบรนด์ใหม่ ที่ครอบคลุมทั้ง 3 เซกเมนต์ (บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์โฮม) มาพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตยุคใหม่ โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่ม Real Demand เพื่อเติมเต็มกำลังซื้อดังกล่าว โดย 2 โครงการใหม่ที่เปิดตัว ได้แก่
โครงการไซมิส โฮล์ม พหลฯ-วิภาวดี (Siamese Holm Phahol Vibhavadi) เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่รองรับทุกรูปแบบการใช้ชีวิต ด้วยจำนวน 192 ยูนิต บนขนาดที่ดินเริ่มต้น 50-70 ตร.ว. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 206-328 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นที่ 7.65 – 10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท
โดยเป็นการนำแบบบ้านซีรีส์ใหม่ “โฮล์ม” (Holm) ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด “Tropical Contemporary” ด้วยสถาปัตยกรรมที่เน้นความเป็นโมเดิร์น ที่ใส่ใจในทุกการออกแบบ ทั้งการเลือกใช้โทนสีที่สอดคล้องกับธรรมชาติเพื่อให้ผู้อาศัยรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย คำนึงถึงแสงและการเปิดรับลมธรรมชาติด้วยการจัดวางตำแหน่งและทิศของตัวบ้าน การจัดวางฟังก์ชันที่เชื่อมต่อพื้นที่ธรรมชาติเข้าสู่ภายในบ้านด้วยกระจกบานใหญ่พิเศษ มีการออกแบบฟังก์ชั่นภายในบ้านให้ใช้งานได้คุ้มค่าในทุกตารางเมตร อาทิ การแบ่งฟังก์ชันส่วน Service ของบ้านกับพื้นที่พักผ่อน, ห้องนอนชั้นล่างแบบ Senior Elderly Care รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ, เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับสมาชิกภายในบ้านให้มากยิ่งขึ้นด้วยพื้นที่ Family Area ที่บริเวณชั้น 1 และชั้น 2 ,ฟังก์ชั่น Laundry Room เชื่อมต่อพื้นที่ซักล้างภายในบ้าน, ฟังก์ชันพิเศษ Double Volume และ Glass House เพิ่มความโปร่งโล่งสบายภายในพื้นที่บ้าน เป็นต้น
รวมทั้งโครงการไซมิส บลอสซั่ม พหลฯ-วิภาวดี (Siamese Blossom Phahol Vibhavadi) เป็นโครงการบ้านแฝดและทาวน์โฮมโครงการใหม่บนถนนพหลโยธิน ด้วยจำนวน 445 ยูนิต มีขนาดที่ดินเริ่มต้น 19-37 ตร.ว. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 125-156 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นที่ 2.59-5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1700 ล้านบาท
โดยมีคอนเซ็ปต์การออกแบบในแนวคิด “Life is Blooming” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Gardening Pot ที่เปรียบเสมือนสวนกระถางที่ถูกเติมเต็มด้วย Lifestyle ของเจ้าของบ้านในแต่ละหลังที่ไม่เหมือนใคร โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของตัวบ้านที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็น Planter box ที่สามารถปลูกต้นไม้ได้จริง และประสานเป็นส่วนหนึ่งของอาคารได้อย่างลงตัว พร้อมเปิดรับแสงแดดและลมธรรมชาติเข้าสู่ภายในตัวบ้าน ถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี ขณะที่การออกแบบการจัดวางฟังก์ชั่นให้สามารถใช้งานได้จริง พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย
ส่วนแบบบ้านทาวน์โฮม เน้นการจัดวางฟังก์ชันด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ที่ชั้น 1 ให้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย มีพื้นที่ Green Area บริเวณหน้าบ้านชั้น 1 และพื้นที่ระเบียงชั้น 2 ที่รองรับการปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน การดีไซน์บ้านให้เป็นสัดส่วน แบ่งแยก Space ระหว่างกันเพื่อความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย
และแบบบ้านแฝด มีการจัดวางฟังก์ชันให้ครบครัน ทั้งห้องอเนกประสงค์ที่ชั้น 1, พื้นที่ครัวและโซน Laundry, ห้องน้ำภายในห้องนอนทุกห้อง รวมถึงการดีไซน์ Façade บ้านให้มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างไดนามิคที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา และเพิ่ม Space พื้นที่รอบตัวบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
โดยทั้ง 2 โครงการใหม่มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ตั้งโครงการบนทำเลศักยภาพสูง มีพื้นที่ด้านหน้าติดถนนใหญ่ ถนนพหลโยธิน ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม SRT ทำให้เชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว มีแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห่างจากห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิตเพียง 4 นาที ใกล้บุญถาวร เทสโก้โลตัส โรงพยาบาลเปาโล รังสิต โรงพยาบาลปทุมเวช และโรงพยาบาลแพทย์รังสิต แวดล้อมด้วยสถานศึกษาหลากหลายแห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต โรงเรียนโชคชัย รังสิต และโรงเรียนสายปัญญา รังสิต เป็นต้น
ทำเลโซนรังสิต ถือว่าเป็นหนึ่งในทำเลที่มีศักยภาพสูง มีการเจริญเติบโตของพื้นที่ เป็นโซนที่สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และภายหลังจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม SRT นับเป็นปัจจัยที่พลิกโฉมโครงการอสังหาริมทรัพย์ในย่านชานเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้ย่านรังสิตกลายเป็นทำเลยอดนิยมในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง โดยการแข่งขันในพื้นที่ยังคงเป็นเรื่องของทำเล ราคา และแบบบ้าน ทำให้ดีเวลลอปเปอร์ต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการมากขึ้น ด้วยการสร้างจุดเด่นให้แตกต่างจากคู่แข่ง ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยที่อยู่บนพื้นที่ศักยภาพก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน