อุตสาหกรรม “ไก่เนื้อ” ฟื้นต่อเนื่อง กำลังซื้อพุ่ง
SCB EIC มองอุตสาหกรรมไก่เนื้อมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว แต่ยังต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ และต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (25 พ.ค. 66) ว่า อุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหนุนจากความต้องบริโภคเนื้อไก่ ทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออกสินค้าที่มีการขยายตัวดีขึ้นตามการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซี่งส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากยิ่งขึ้น แต่ปัจจัยที่ยังคงต้องเฝ้าระวัง คือ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีนี้ที่ชะลอตัวลงเนื่องจากปัญหา Geopolitics ที่ยืดเยื้อ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของการใช้จ่ายและกำลังซื้อของผู้บริโภค
ด้านอุตสาหกรรมไก่เนื้อนั้น ผู้ผลิตแบ่งสัดส่วนการนำไก่เนื้อเข้าสู่ตลาดในประเทศไทย 70% และอีก 30% เป็นสัดส่วนที่ส่งออกนอกประเทศ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การบริโภคไก่เนื้อของคนในประเทศจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตได้มากน้อยเพียงใด โดยผลการบริโภคไก่เนื้อในประเทศทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการจำหน่ายเนื้อไก่แช่เย็น แช่แข็งและเนื้อไก่ปรุงสุก ซึ่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภาคการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ความต้องการทั้งจากภาคครัวเรือนและภาคบริการเติบโตสูงขึ้น ขณะที่ราคาขายปลีกไก่สดชำแหละในประเทศแม้จะชะลอลงเล็กน้อย แต่ยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง สอดคล้องกับความต้องการบริโภคและต้นทุนการเลี้ยงไก่ที่ยังอยู่ในระดับสูง
อีกทั้งการส่งออกไก่เนื้อมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากได้รับการสนับสนุนหลักจาก การทยอยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า, การเปิดประเทศของไทยและการยกเลิกนโยบาย Zero-COVID ของรัฐบาลจีน, การทยอยรับรองมาตรฐานโรงงานส่งออกไก่ของไทย, โรคระบาดในสุกร (ASF) ที่ยังยืดเยื้อ และการส่งออกเพื่อทดแทนประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซียที่ระงับการส่งออกไก่ชั่วคราวจากปัญหาอุปทานไก่ที่ขาดแคลน
ด้านปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยในปีนี้และระยะต่อไป ได้แก่ การแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่ยังคงยืดเยื้อในหลายประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย, Brexit การส่งออกสินค้าจากไทยไปยังตลาด UK มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกไก่ในอนาคต ยังอาจได้รับอานิสงส์จากการบรรลุข้อตกลงเสรีทางการค้า (FTA) ร่วมกัน , การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย การส่งออกไก่เนื้อไปยังคู่ค้าอย่างซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ และการทยอยรับรองมาตรฐานโรงงานแปรรูปและส่งออกไก่ของไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเห็นว่าการผลิตไก่เนื้อของไทยมีมาตรฐานในระดับสากลตลอดทั้งกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ไทยสามารถส่งออกไก่ไปยังประเทศต่าง ๆ ได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยจะมีปัจจัยหนุนการเติบโตหลากหลายด้าน แต่ยังจำเป็นต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงด้านลบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ที่อาจส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้น ได้แก่ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกอาจมีแนวโน้มชะลอลงซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ, ต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะต้นทุนหลักอย่างวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี และกากถั่วเหลือง ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง, ข้อกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะประเด็นด้าน ESG และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน, แนวโน้มการแข่งขันจากสินค้าทดแทนเนื้อไก่ที่เริ่มได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น และโรคระบาดในสัตว์ปีก โดยเฉพาะโรคไข้หวัดนก (Bird flu) ที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตไก่เนื้อในไทย
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (SCB EIC) มองว่าการปรับกลยุทธ์การเติบโตของอุตสาหกรรมไก่เนื้อเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการตอบโจทย์ผู้บริโภคและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง การพัฒนาดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่ที่มีความแปลกใหม่และ มีมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างและรับมือกับการแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นในอนาคต