“กัณฑรา” มองตลาดไร้ทิศทาง รอจัดตั้ง “รัฐบาลใหม่” ชัดเจน

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด กล่าวในรายการสด “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (26 พ.ค. 66) เชื่อว่าหุ้นบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เป็นหุ้นตัวเดียวที่ชี้นำตลาดอยู่ ส่วนหุ้นเกี่ยวข้องกับกลุ่มรัฐบาลมีอยู่ 2 ขั้วใหญ่ด้วยกัน เลยรู้สึกถึงความไม่แน่นอนว่าใครจะจัดตั้งรัฐบาล ใครจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะเรื่องของคะแนนเสียงห่างกันเพียงแค่ 10 คะแนน หรือหากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ คะแนนเสียงเหล่านั้นห่างกันเพียงแค่ 1-2 เก้าอี้ในที่นั่งรัฐสภาเท่านั้นเอง ซึ่งไม่ได้ห่างกันมาก

โดยการจัดตั้งรัฐบาลนั้นมักจะยกเหตุการณ์ยุครัฐบาลในอดีตเพื่อมาสนับสนุนพรรคของตนเอง ว่าตนเองสมควรได้รับตำแหน่งประธานรัฐสภา เมื่อการจัดตั้งรัฐบาลมีความไม่แน่นอน จึงส่งผลไปถึงนักลงทุนให้มีความไม่แน่ใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนนี้การลงทุนของนักลงทุนจัดตั้งได้ดีกว่า กล่าวคือ จัดตั้งได้สำเร็จและมองการลงทุนได้ชัดเจน แม้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ปัจจุบันเพียงแค่ขอให้จัดตั้งได้ เพราะจะทำให้วิเคราะห์ภาพรวมตลาดได้ และเตรียมแผนการลงทุนได้

นายกัณฑรา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันที่มองภาพรวมของตลาดตอนนี้ รู้สึกว่าทุกคนจะทยอยกันดาวน์เกรดดัชนีสูงสุดลงมา สืบเนื่องมาจากความกังวลในเรื่องของเศรษฐกิจในช่วงนี้ เพราะไม่รู้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะดำเนินไปในทิศทางไหน แต่ก็ยังมีข้อดีที่ได้ประโยชน์ ถ้าหากการจัดตั้งรัฐบาลนั้นดี ก็จะไปกระตุ้นการบริโภค, หุ้นการท่องเที่ยว และหุ้น SME แต่หากมองภาพโดยรวม ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตลาดก็จะไม่มีความคึกคัก แต่ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ตลาดมีการบวกขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่แน่ชัดว่าวันนี้จะบวกอีกหรือเปล่า คิดว่าดัชนีอาจจะวนเวียน มองว่าปลายปีจะอยู่ที่ระดับ 1,650 – 1,700 จุด

ด้านปัจจัยภายนอกประเทศคือเพดานหนี้สหรัฐอเมริกา ส่วนปัจจัยภายในประเทศคือเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล โดย 2 ปัจจัยนี้ที่ส่งผลต่อตลาดหลักทรัพย์ นายกัณฑรามองว่าปัจจัยภายนอกนั้นสามารถวิเคราะห์ได้ง่าย เช่น มีการไหลออกของเงินมากขึ้น ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง และ “เฟด” อาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบ แต่ในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลนั้นไม่สามารถมองภาพออกได้เลย

ส่วนการลงทุนต้องปรับกลยุทธ์ โดยมองผ่านมุมมองของนายกัณฑรา ถ้าเป็นฝั่งขาย เขาจะไม่ขาย เนื่องจากว่าดัชนีหลาย ๆ ที่นั้น Upside อยู่ที่ประมาณ 1,650 – 1,700 จุด ซึ่งก็สูงกว่าตรงนี้เยอะ ฉะนั้นถ้าหากมีเหตุการณ์อะไรทำให้เกิดการปรับลดลงมา ซึ่งบางคนอาจจะห่วงเรื่องการรื้อสัมปทาน คนก็มองว่าการรื้อสัมปทานก็ไม่ง่าย ฉะนั้นมองว่าหุ้นในช่วงนี้จะเป็นการปรับตัวลงมาและมีการซื้อหุ้นเก็บไว้ในระยะยาว น่าจะเป็นผลตอบแทนที่ดี  อีกทั้งช่วงที่ค่าไฟแพง และมีการขอในเรื่องของค่ากลั่น ก็ยังไม่ได้การตอบรับที่ดี เพราะฉะนั้นจึงมองว่าการแก้ปัญหาเป็นไปได้ยาก และจริง ๆ ตอนนี้ก็ไม่ต้องทำอะไร เพราะราคาหุ้นพลังงานนั้นลดลงมา เช่น ราคาน้ำมัน ราคาเชื้อเพลิง จะทำให้ระดับของกบจ.ต่าง ๆ นั้นดีขึ้นในส่วนของค่าใช้จ่ายในด้านพลังงาน

พร้อมทิ้งท้ายว่า ปัจจัยสำคัญนั้นอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาล ถ้าจัดตั้งได้ก็จะไปสนับสนุนปัจจัยรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น การบริโภคต่าง ๆ และเรื่อง SME บริษัทหลักทรัพย์ของประเทศ ซึ่งก็จะผลักดันให้ประเทศมี GDP ที่ดีขึ้นมาได้