ครม.ไฟเขียวต่ออายุ “ต่างด้าว” 3 สัญชาติ ทำงาน-เอกสารถึง 31 ก.ค.นี้

ครม.ไฟเขียวผ่อนผันแรงงานให้ทำงานครบ 4 ปีตาม MOU พร้อมขยายเวลาทำหนังสือเดินทางให้เสร็จถึง 31 ก.ค.66


นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เรื่อง การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคง และเศรษฐกิจของประเทศโดยมีรายละเอียด ดังนี้

สำหรับการผ่อนผันให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่เข้ามาทำงานตาม MOU วาระการจ้างงานครบกำหนด 4 ปี (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 65 – 31 กรกฎาคม 66) สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 66 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ยังอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ ในระหว่างการผ่อนผันให้นายจ้างที่ประสงค์จะจ้างคนต่างด้าวดำเนินการขออนุญาตนำแรงงานต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผันเข้ามาทำงานตาม MOU ควบคู่ไปด้วย และให้แรงงานต่างด้าวที่หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหมดอายุ หรือการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด สามารถเดินทางกลับประเทศได้

โดยผ่อนผันให้คนต่างด้าว 4 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งไม่สามารถจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ทัน ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 66 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราว ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 66 เพื่อจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง โดยอนุญาตให้อยู่และทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 67 หรือ 13 กุมภาพันธ์ 68 แล้วแต่กรณี

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมทั้งองค์กรภาคเอกชน มีหนังสือถึงกระทรวงแรงงานร้องขอให้มีมาตรการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวตาม MOU ที่ครบวาระการจ้างงานให้สามารถทำงานได้ต่อไป หรือสามารถกลับเข้ามาทำงานตาม MOU ได้โดยสะดวก ซึ่งกรมการจัดหางานพิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้างก่อน เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้

ขณะที่ นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชม ท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ช่วยแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที มิฉะนั้นภาคการผลิต และธุรกิจบริการซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ใช้แรงงานต่างด้าวในการขับเคลื่อนจะต้องรับผลกระทบอย่างรุนแรง การช่วยเหลือในครั้งนี้นอกจากทำให้ดำเนินธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาได้ตรงเป้าหมาย

“แรงงานต่างด้าวเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนกิจการของผู้ประกอบการจำนวนมาก ปัญหาขาดแคลนแรงงานจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะกระทบต่อผู้ประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าว และเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน คณะรัฐมนตรีจึงถือเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องพิจารณา เพื่อให้ผู้ประกอบการมีแรงงานต่างด้าวเพียงพอในการขับเคลื่อนกิจการ รักษาความมั่นคงและแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ” รมว. แรงงาน กล่าว

Back to top button