PTT ส่งซิกปี 66 สดใส รับธุรกิจน้ำมัน-ไฟฟ้าหนุน

PTT ส่งซิกปี 66 เติบโตดี รับผลบวกจากปริมาณการผลิตธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มตามดีมานด์ ส่วนธุรกิจไฟฟ้าจะกลับมาฟื้นตัว หลังต้นทุนราคาก๊าซปรับตัวลง


นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 30 พ.ค.66 ว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 คาดว่าราคาพลังงานยังลดต่ำลง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจผลิตไฟฟ้า ขณะที่ความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของธุรกิจ E&P ของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่จะมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าตัวเลข GDP ปีนี้จะขยายตัวต่อเนื่อง อยู่ที่ 3.4% เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 2.8% หลักๆ มาจากภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยมากขึ้นหลังจีนเปิดประเทศ การบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ ทั้งราคาก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน คาดว่าจะปรับตัวลงจากปีก่อน โดยคาดราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง 16% เหลือ 79-84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปีนี้ ขณะที่สิงคโปร์ GRM ปรับลดตามราคาน้ำมันดิบดูไบ 54% เหลืออยู่ที่ 4.4-5.4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาปิโตรเคมีคาดว่าจะอ่อนตัวลงจากปีก่อนเช่นกัน

สำหรับปริมาณการผลิตน้ำมัน คาดว่ากำลังการกลั่นจะเพิ่มขึ้นตามดีมานด์ ขณะที่ปริมาณการผลิตก๊าซฯ ในอ่าวไทยก็เพิ่มขึ้น จากกำลังการผลิตก๊าซฯ ในแหล่งเอราวัณ ของ ปตท.สผ. จะเพิ่มเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในกลางปีนี้ และเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่โรงแยกก๊าซฯ ในปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน รวมถึงการปิดซ่อมบำรุงน้อยกว่าปีที่ผ่านมา

ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ คาดว่าธุรกิจ E&P ของ ปตท.สผ. ยังดีต่อเนื่อง จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจก๊าซฯ และน้ำมันคาดว่าจะดีขึ้นตามดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้น และ LNG จะมีต้นทุนที่ถูกลง ด้านธุรกิจโรงกลั่นฯ เป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายในส่วนของ GRM ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม ราคา crude premium ปีนี้ลดลง จะส่งผลดีต่อต้นทุนด้วย สำหรับธุรกิจปิโตรเคมี ปีนี้เป็นปีที่ท้าทาย คาดหวังดีมานด์จากจีนจะกลับมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนธุรกิจไฟฟ้าในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตตามความต้องการของประเทศ รวมทั้งราคาก๊าซฯ ที่ปรับลดลง ส่งผลบวกต่อต้นทุนไฟฟ้า” นายธนพล กล่าว

ส่วนกรณีนโยบายของพรรคก้าวไกล มองว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกลหรือพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อว่าทุกพรรคมีนโยบายช่วยประชาชนปรับลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลง ทั้งนี้ ปตท.ต้องรอดูความชัดเจนหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพราะต้องรอดูความชัดเจนว่านโยบายต่าง ๆ จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งในระหว่างนี้ ปตท.ศึกษาผลกระทบ และจัดเตรียมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อชี้แจงข้อมูลและรายละเอียด ซึ่ง ปตท.คงจะไม่ไปคัดค้านแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหน ปตท.ก็พร้อมให้การสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม สำหรับราคาหุ้น PTT ที่ลดลงต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Book Value) นั้น ขณะนี้ ปตท. ยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน เนื่องจากยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินสำหรับการขยายการลงทุนในการต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับนักลงทุนต่อไป

Back to top button