MEGA อัดงบ 340 ล้าน รุกขยายลงทุนใน-ตปท. ดันกำไรปี 68 แตะ 2.5 พันล้าน

MEGA อัดงบปี 66-67 วงเงิน 340 ล้าน รุกขยายลงทุนใน-ต่างประเทศ พร้อมลุยเพิ่มสินค้าใหม่ หวังดันกำไรโต 2 เท่า แตะ 2,500 ล้านบาท ภายในปี 68


นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA เปิดเผยว่า เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 2 มิ.ย.66 เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/66 รายได้จากการดำเนินงานรวม 3,728 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของธุรกิจการจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Maxxcare หลังจากสูญเสียลูกค้าหนึ่งรายในประเทศเมียนมา และการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสูงเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 453 ล้านบาท ลดลง 26.1% เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตามรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Mega We Care ยังเติบโตได้ดีทั้งตลาดเอเชีย อินโดจีนและทวีปแอฟริกา โดยในไตรมาส 1/66 มูลค่า 1,953 ล้านบาท คงระดับเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ในภูมิภาคแอฟริกาอยู่ที่ 230.5 ล้านบาทเติบโตขึ้น 5.6%

ส่วนแนวโน้มธุรกิจยังเติบโตได้ดี ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงทำให้ยอดขายส่วนของยารักษาและวิตามินบำรุงรักษาโควิดลดลง แต่บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอื่น ๆ เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์การใส่ใจสุขภาพของคนยุคปัจจุบันมากขึ้น โดยบริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และขยายธุรกิจในทวีปแอฟริกา

ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นผู้นำในตลาด สายผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แข็งแกร่ง และการดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทวีปแอฟริกา โดยวางเป้าหมายภายในปี 68 กำไรเติบโตเป็น 2 เท่าแตะ 2,400-2,500 ล้านบาท จากปี 2562 ที่มีกำไรประมาณ 1,130 ล้านบาท

“ในอนาคตธุรกิจยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทมีสินค้าในไปป์ไลน์จำนวน 152 ตัว อยู่ในขั้นตอนที่กำลังพัฒนา ในส่วนของการลงทุนในทวีปแอฟริกายังเดินหน้ากระจายสินค้า ซึ่งบริษัทมีแผนจะเข้าไปขยายธุรกิจในแต่ละประเทศ ทำให้สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดใหญ่ๆ ของแต่ละประเทศแล้ว” นายวิเวกกล่าว

นอกจากนี้ยังเตรียมงบลงทุนในช่วงปี 66-67 จำนวน 340 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1.ลงทุนก่อสร้างโรงงานในประเทศไทยที่วมการดำเนินงานไว้ด้วยกัน และขยายกำลังการผลิต จำนวน 137 ล้านบาท และลงทุนด้านความยั่งยืนในเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จำนวน 43 ล้านบาท, 2.ลงุทนก่อสร้างโรงงานผลิตยาในรูปแบบใหม่ คลังสินค้า และพัฒนาโรงงานผลิตยาที่ได้มาในประเทศอินโดนิเซียจำนวน 160 ล้านบาท โดยล่าสุดออกแบบเสร็จแล้วและคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 3/66 และ 3.บริษัทฯกำลังมองหาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานผลิตยาในประเทศเวียดนาม ด้วยเงินลงทุนประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button