“ภากร” ยันปล่อยเทรด STARK ตามเกณฑ์ ย้ำอำนาจ ก.ล.ต.สอบปมทุจริต
“ภากร” ปล่อยเทรดหุ้น STARK เป็นไปตามเกณฑ์การเปิดซื้อขายหุ้นในช่วงที่ยังไม่ส่งงบการเงิน หลังผ่านไป 3 เดือน ส่วนหน้าที่ตรวจสอบตรวจสอบความผิดปกติอื่นๆ เป็นของ ก.ล.ต.
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณีเปิดการซื้อขายหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เป็นเวลา 1 เดือน (ระหว่างวันที่ 1-30 มิ.ย.66) ว่าเป็นไปตามเกณฑ์การเปิดซื้อขายหุ้นในช่วงที่ยังไม่ส่งงบการเงิน หลังผ่านไป 3 เดือนนั้น ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2562 โดยเคยเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียลงความเห็นว่าควรจะเปิดโอกาสให้ซื้อขายหลักทรัพย์ก่อนจะปิดไม่ให้ซื้อขายในระยะยาว
ทั้งนี้ เกณฑ์การพิจารณาดังกล่าวจึงมาจากข้อคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และจะทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูลเท่าเทียมกัน ซึ่งในกรณีหุ้น STARK บริษัทได้มีการแจ้งข้อมูลนักลงทุนวันที่ 30 พ.ค. 2566 และถัดมา 31 พ.ค. บริษัทได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ จึงถือเป็นการได้ข้อมูลเท่าเทียมกันก่อนเปิดเทรด แม้จะไม่มีงบการเงิน
นายภากร กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรึกษาผู้ที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด แต่บริษัทก็ไม่ได้ให้ความมั่นใจว่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมได้ก่อนเปิดซื้อขายหุ้นวันที่ 1 มิ.ย. และในวันที่ 16 มิ.ย. จึงทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องดำเนินการเปิดการซื้อขายหุ้นดังกล่าวชั่วคราว ทั้งนี้ภายใน 1 เดือน หากยังไม่ส่งงบการเงินก็จะสั่งหยุดการซื้อขายหุ้นต่อ
โดยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์หุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการตรวจสอบเพื่อปรับปรุงระบบการทำงานภายในขององค์กร ซึ่งในกรณีของหุ้น STARK นั้น ในอนาคตอาจมีการเสนอกฎระเบียบแนวทางแก้ไข หรือกฎหมายต่าง ๆ เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าว ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทุก ๆ องค์กรที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน ต้องออกมาช่วยกันแก้ปัญหาร่วมกันตั้งแต่ต้น เพื่อให้มีช่องโหว่งน้อยลง
ส่วนกรณีที่ STARK ได้มีการแจ้งดำเนินคดีกับผู้ทุจริตที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นั้น ยังไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัท แต่ทางตลาดทรัพย์ฯ จะติดต่อกลับไปว่าจะสามารถช่วยเหลือในด้านไหนได้
อีกทั้งทาง SET ไม่ได้มีอำนาจในการตรวจสอบข้อมูลแต่อย่างใด คนที่มีสิทธิคือทางหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจในการตรวจสอบความผิดปกติ อาทิ ก.ล.ต. ที่เป็นคนเห็นข้อมูลการเงินของบริษัทก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงส่งให้ทาง SET ในการแจ้งข้อมูลให้นักลงทุนหรือผู้ถือหุ้นให้ทราบโดยพร้อมกัน โดย SET จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จะไม่มีสิทธิ์ไปบังคับหรือเรียกร้องได้เลย ทำได้เพียงติดป้ายเตือนหน้าหุ้น และแจ้งให้ส่งงบการเงินให้ครบถ้วน