“กรภัทร” ชี้ปราบปรามส่วย “รถบรรทุก” จบเร็ว! หุ้นโลจิสติกส์รับประโยชน์

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (8 มิ.ย. 66) ว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยสามารถบวกได้แต่อาจอยู่ในกรอบแคบ ๆ ต่อไปในวันนี้

ขณะเดียวกันคาดว่าภาพโดยรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยก็อาจแกว่งตัวแบบไซด์เวย์ต่อเนื่อง หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เพื่อรอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะประกาศออกมาในวันที่ 13 มิ.ย. 66 นี้ ซึ่งเป็นตัวที่ส่งผลในการคาดการณ์นโยบายการเงินของสหรัฐในวันที่ 15 มิ.ย. 66

อย่างไรก็ตามตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงมีประเด็นในเรื่องของการเมืองที่ต้องติดตาม ซึ่งยังคงต้องรอความชัดเจนในด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งหากดูตามกระบวนการแล้ว สำหรับการนับบัตรเลือกตั้งใหม่ 40 กว่าเขตนั้น ชัดเจนแล้วว่ากระบวนการมีความรวดเร็ว หลังจากนั้นเหลือแค่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปผลดังกล่าว ดังนั้น การจัดตั้งรัฐบาลของไทยอาจจะไม่ได้ล่าช้าอย่างที่ตลาดกังวล และการรับรองผลอาจจะเร็วกว่าวันที่ 13 ก.ค. นี้ จุดนี้ที่ตลาดหุ้นไทยรอเพราะมันจะทำให้มีพัฒนาการด้านบวก

สำหรับกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ประเมินไว้ โดยให้กรอบแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,539-1,545 จุด ซึ่งถ้า break ได้ทาง SET จะมีโมเมนตัมบวกทันที ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,522-1,518 จุด

นายกรภัทร กล่าวอีกว่า นักลงทุนต่างชาตินั้นคงมองสถานการณ์การเมืองของไทยยังไม่ออก ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน หากเป็นปกติ 300 กว่าคะแนนนั้นนับว่าเป็นเสียงที่เยอะมาก โดยการลงมติรับรองนายกคนปัจจุบัน เป็นไปตามกระบวนการที่ต้องรอเสียงของส.ว.แล้ว ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ส่วนอุบัติเหตุทางการเมืองก็เป็นตัวแปรที่ไม่แน่นอนอีก ว่าหลาย ๆ เรื่องที่ถูกยื่นร้องเข้ามาจะสามารถผ่านไปได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นนักลงทุนต่างชาติจะเป็นในแนวของการรอและเฝ้าจับตามองสถานการณ์มากกว่า มองในเรื่องของตัวที่มัน cut outside มากกว่า นโยบายอะไรที่กระทบเรื่องการลงทุนบ้าง และความเสี่ยงนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด แต่ว่านักลงทุนเลือกที่จะปรับลดน้ำหนักเพื่อรอความชัดเจนก่อน จึงเป็นเหตุผลที่ในช่วงนี้ดัชนี SET เคลื่อนไหวลักษณะซึมๆ อยู่

ส่วนเชิงกลยุทธ์ด้านการลงทุน อาจจะต้องเลือกหุ้นที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องในเรื่องการเมือง โดยมองหุ้นน่าลงทุนในเดือน มิ.ย. 66 คือเป็นหุ้นเศรษฐกิจฐานราก เช่น บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO, บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD

ส่วนหุ้นที่รัฐบาลสนับสนุนอย่างแน่นอน และไม่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ หุ้นพวก digital transform ที่ภาคการส่งออกเริ่มฟื้นตัวห โดยเฉพาะในเกาหลีและไต้หวัน ได้แก่ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA

ขณะเดียวกันยังมีหุ้นในกลุ่มฐานการผลิตที่น่าสนใจ เช่น บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA แต่ก็ต้องรอหลายๆ เรื่องในนโยบายของภาครัฐ  ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นย่อตัวลงก็อาจจะเป็นจังหวะในการตั้งรับ

ส่วนเรื่องทุนที่เล่นประเด็นสั้น ๆ ในการเข้าเก็งกำไร คือประเด็นเรื่องส่วยรถบรรทุก แน่นอนว่าส่วยรถบรรทุกทำให้เงินออกนอกระบบในระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นหากเร่งปราบปรามในเรื่องนี้ ก็จะทำให้หุ้นโลจิสติกส์ได้ประโยชน์ในเชิงบวก เช่น บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD และ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE อาจจะเหมาะกับการเทรดดิ้งและเก็งกำไร

สำหรับเรื่องต่อมา คือ ราคาเนื้อหมูและราคาเนื้อไก่ยังคงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนะว่าอยากให้จับตาดูหุ้นของบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF มีโอกาสที่หุ้นจะฟื้นตัวขึ้นมา

อย่างไรก็ตามในวันนี้แนะนำหุ้นน่าลงทุนเลือก 3 หุ้น คือ CPF, GFPT และ ICHI