AIMC ยันโปร่งใส ลุยสร้างระบบเทคโนโลยีใหม่-เพิ่มตรวจสอบเข้ม ดัน “บจ.” ไทยยั่งยืน
AIMC เชื่อมั่นในกระบวนการทำงานลงทุน ยึดมั่นการทำงานโปร่งใสแน่นอน เตรียมสร้างระบบเทคโนโลยีใหม่ พร้อมเพิ่มตรวจสอบเข้ม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน ร่วมผลักดันบริษัทจดทะเบียนไทยปฎิบัติตามความยั่งยืน
นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) แถลงข่าวเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.66 ต่อกรณีการลงทุนใน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ว่าในฐานะตัวแทนบริษัทจัดการลงทุนในประเทศไทยแถลงข่าวแสดงความมั่นใจในกระบวนการลงทุนที่มีความเป็นมืออาชีพ รัดกุม โปร่งใส ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อผู้ถือหน่วยลงทุน พร้อมเน้นย้ำการมีมาตรฐานที่ดีระดับสากลและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
โดยบริษัทจัดการลงทุนมีกระบวนการลงทุนที่มีมาตรฐาน มีความเป็นมืออาชีพในการกลั่นกรองข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนที่เปิดเผยต่อสาธารณะทั้งตามที่ปรากฏในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและแหล่งอื่นๆ มีการวิเคราะห์ข้อมูลงบการเงินที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตข้อมูลอันดับเครดิตของหุ้นกู้ที่ผ่านการจัดอันดับเครดิต โดยสถาบันจัดอันดับเครดิตที่ได้รับอนุญาตบทวิเคราะห์หลักทรัพย์และการเข้าร่วมประชุมสามัญและวิสามัญของบริษัทจดทะเบียน เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนและการบริหารพอร์ตลงทุนของกองทุนรวม โดยมีคณะกรรมการจัดการลงทุน (Investment Committee) เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์ รวมถึงกรอบการลงทุนซึ่งมีนโยบายหลักเกณฑ์ที่สำคัญคือการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน รวมถึงมีคณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารความเสี่ยงคอยควบคุมดูแลและตรวจสอบ
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมให้ความสำคัญในเรื่องความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจที่ได้รับจากผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นหลัก ซึ่งมีการปฎิบัติหน้าที่ร่วมกันอย่างมีความรับผิดชอบ อาทิ ทุกบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) รวมตัวกันจัดตั้งคณะอนุกรรมการนโยบาย ESG Policy and Collective Action ร่วมกันผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนไทยให้ความสำคัญและปฏิบัติตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน การปฎิบัติตามนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (I-code-Policy) และมีความร่วมมือกันของสมาชิกบริษัทจัดการลงทุนเข้าร่วมการจัดทำ Negative List เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้จัดการกองทุนใช้กลั่นกรองบริษัทจดทะเบียน
ขณะที่กองทุนรวมจะมีการกระจายการลงทุนไปในหลักทรัพย์ หรือตราสารหนี้หลายๆ ตัว เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในกระบวนการลงทุน ผู้จัดการกองทุนจะวิเคราะห์ ประเมินคัดเลือก และติดตามตรวจสอบการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีการปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และปัจจัยการลงทุนต่างๆ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และภาวะการณ์ที่มาจากหลักทรัพย์นั้นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการลงทุนตามปกติ
“โดยจากกรณีการลงทุนในหุ้น STARK ก็จะมีกระบวนการทำงานในลักษณะเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์นอกเหนือจากความสามารถในการควบคุมของผู้จัดการกองทุน อาทิ การยกเลิกแผนการลงทุน การส่งงบการเงินล่าช้า การให้ความเห็นและข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีในหมายเหตุประกอบงบการเงิน เป็นต้นซึ่งผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนตามจังหวะที่เหมาะสมในระดับสมาคม บลจ. มีการรวมตัวกันทำงานร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็น พร้อมทั้งติดตามการทำงานของบริษัท โดยได้มีการส่งหนังสือขอเข้าพบประธานกรรมการหรือผู้บริหารของ STARK ซึ่งเป็นกระบวนการปกติที่ บลจ. ร่วมกันทำในรูปแบบ Collective Action เช่นเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ” นางชวินดา กล่าว
อย่างไรก็ตาม เตรียมสร้างระบบเทคโนโลยีใหม่ เพื่อไม่ให้ข้อมูลข่าวสารรั่วไหลออกไปได้ จึงควรต้องเฝ้าระวังให้มากยิ่งขึ้น พร้อมเร่งตรวจสอบให้อย่างเข้มข้น ซึ่งอาจจะต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้นหลังจากเกิดกรณีแบบนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน
ด้าน นายพิเชษฐ์ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่ปรึกษาทางการเงิน นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ กล่าวว่า ในการวิเคราะห์และให้คำแนะนำของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการเงิน นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และผู้จัดจำหน่ายรับทราบก็เป็นการปฏิบัติงานโดยอาศัยข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะและข้อมูลที่ได้จากบริษัทเป็นหลักแต่ละ บล. ให้ความสำคัญกับมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณในการปฏิบัติงาน กรณีที่เกิดขึ้นกับ STARK เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังกระบวนการวิเคราะห์ต่างๆ ข้างต้นซึ่งอยู่นอกเหนือจากการควบคุม