STARK คาดออกงบปี 65 ทัน 16 มิ.ย.-ขอยืดเวลาทำ “สเปเชียล ออดิท” เร่งเจรจาเจ้าหนี้หุ้นกู้

STARK คาดส่งงบปี 65 ฉบับตรวจสอบภายใน 16 มิ.ย.66 พร้อมขอ “ก.ล.ต” ขยายเวลาสรุปผลการทำ “สเปเชียล ออดิท” อีก 30 วัน เร่งเจรจาเจ้าหนี้หุ้นกู้ ลดเสี่ยงถูกใช้สิทธิเรียกร้องให้จ่ายหนี้ทั้งหมด


นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ระบุว่า ตามที่บริษัทได้ชี้แจงการดำเนินการของบริษัทผ่านระบบเผยแพร่สารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถนำส่งงบการเงินประจำปี 2565 ที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีได้ภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2566 และบริษัทอยู่ระหว่างว่าจ้างผู้สอบบัญชีเพื่อทำการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) รวมถึงการชี้แจงเรื่องมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A ที่มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดและใช้สิทธิเรียกให้บริษัทชำระหนี้เงินต้นพร้อมทั้งดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้โดยพลัน

รวมทั้งการดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับพฤติการณ์อันควรสงสัยในประเด็นการดำเนินงานและปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ ผู้จัดการ และ/หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทตามนัยมาตรา 89/25 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และตลาดหลักทรัพย์ได้ขอให้บริษัทให้ข้อมูลเกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว บริษัทจึงขอเรียนชี้แจงความคืบหน้าและข้อมูลสถานการณ์ของบริษัทเพิ่มเติม ดังนี้

สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดทำงบการเงินประจำปี 2565 นั้น ขณะนี้บริษัทได้ให้ความร่วมมือและทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้สอบบัญชีราย บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮ้าส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด (PwC) ในการร่วมวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและบัญชีของบริษัทในการตรวจสอบบัญชีและจัดทำงบการเงินประจำปี 2565 ตามแผนการดำเนินงานที่ได้ชี้แจงต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ และการดำเนินการดังกล่าวมีความคืบหน้าอย่างมาก ผู้สอบบัญชีจึงคาดการณ์ว่าจะสามารถออกงบการเงินฉบับตรวจสอบได้ภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2566 เมื่อผู้สอบบัญชีจัดทำงบการเงินประจำปี 2565 เรียบร้อยแล้ว บริษัทจะดำเนินการเรียกประชุมสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้นเพื่อรับรองงบการเงินประจำปี 2565 และแต่งตั้งผู้สอบบัญชีประจำปี 2566 ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2566

ส่วนความคืบหน้าของการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม (extended-scope special audit) เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทได้มีมติอนุมัติการแต่งตั้งให้ PwC เป็นผู้สอบบัญชีเพื่อดำเนินการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม (extended-scope special audit) เนื่องจาก PwC เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบพิเศษ (special audit) แต่เดิมมีความรู้ความเข้าใจต่อข้อมูลของบริษัทเป็นอย่างดีสามารถดำเนินการตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลโดยไม่ชักช้า จึงเป็นผู้สอบบัญชีที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการดำเนินการดังกล่าว

โดยบริษัทได้ประสานงานและส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังธนาคารต่างๆ เพื่อขอรายการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีธนาคาร (bank statement) ของบริษัทและบริษัทย่อยมาเปรียบเทียบกับรายการรับจ่ายเงินที่บันทึกอยู่ในบัญชี (general ledger) และรายการทางบัญชีที่เกี่ยวข้องตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ตรวจสอบเพิ่มเติม แม้ว่าบริษัทได้รับข้อมูลดังกล่าวจากหลายธนาคารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีข้อมูลหลายส่วนที่บริษัทยังรอข้อมูลหรือตรวจพบข้อจำกัดเกี่ยวกับการตรวจสอบย้อนกลับ

ทั้งนี้เนื่องจากการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติมมีเอกสารและข้อมูลที่ต้องตรวจสอบเป็นจำเพื่อให้ครอบคลุมธุรกรรมการขาย ลูกหนี้ การรับชำระหนี้ของบริษัทย่อยรายที่สำคัญจำนวน 4 รายช่วงระหว่างปี 2564 ถึงปี 2565 รวมถึงการเปรียบเทียบรายการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีธนาคาร (bank statement) กับรายการรับจ่ายเงินที่บันทึกอยู่ในบัญชี (general ledger) ในช่วงระหว่างปี 2564 ถึงเดือนเมษายน 2566 และปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบย้อนกลับข้างต้น บริษัทและผู้สอบบัญชีได้ประเมินความพร้อมของข้อมูลร่วมกัน และคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการ ตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม (extended-scope special audit) ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2566 ได้

ดังนั้นบริษัทจึงได้ขอความอนุเคราะห์ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ในการขยายระยะเวลาเพื่อดำเนินการในส่วนนี้อีก 30 วัน เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในงบการเงินตามวัตถุประสงค์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด

โดยผู้สอบบัญชีคาดว่าจะสามารถสรุปผลการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม (extended-scope special audit) ภายในเดือนกรกฎาคม 2566 และบริษัทจะรายงานความคืบหน้าตลอดจนปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานให้ทราบเป็นระยะ

ส่วนสถานการณ์และผลกระทบต่อบริษัทอันสืบเนื่องจากการถูกเรียกให้ชำระหนี้หุ้นกู้รวมถึงแนวทางดำเนินการเพื่อชำระหนี้คงค้างต่างๆ ของบริษัท เนื่องจากผู้ถือหุ้นกู้ของหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A ได้มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดและใช้สิทธิเรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้ทั้งหมดถึงกำหนดชำระโดยพลัน จึงเป็นเหตุให้หนี้เงินต้นค้างชำระรวมจำนวน 2,241,000,000 บาท และดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้หมายเลขดังกล่าวถึงกำหนดชำระโดยพลัน เหตุผิดนัดดังกล่าวยังส่งผลให้เกิดการผิดนัดไขว้ (cross default) ในหุ้นกู้อีก 3 ชุด และสัญญาทางการเงินของบริษัท กล่าวคือเป็นเหตุผิดนัดภายใต้ (ก) หุ้นกู้ชุด STARK245A, STARK255A และ STARK242A ซึ่งมีเงินต้นค้างชำระรวมจำนวน 6,957,400,000 บาท และ (ข) สัญญาทางการเงินอื่น ๆ ของบริษัท บริษัทจึงต้องดำเนินการหาทางเจรจากับเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องที่อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ทั้งหมดในลักษณะเดียวกัน

ทั้งนี้ เมื่อผู้สอบบัญชีได้เปิดเผยงบการเงินประจำปี 2565 บริษัทจะปรับปรุงและสรุปแผนธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้สอดคล้องกับผลประกอบการตามงบการเงินประจำปี 2565 รวมถึงแผนการขอเจรจากับเจ้าหนี้สำคัญต่างๆ (ทั้งเจ้าหนี้ทางการเงิน เจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้กลุ่มอื่นๆ) เพื่อหาแนวทางบริหารการชำระหนี้ร่วมกันและป้องกันไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกลุ่มเจ้าหนี้ ตลอดจนลดความเสี่ยงอันเกิดจากการกระทำใดๆ ที่อาจถือเป็นการเลือกปฏิบัติ หรือความเสี่ยงในการถูกเพิกถอนการชำระหนี้ โดยบริษัทจะเปิดเผยแนวทางในการดำเนินการของบริษัทเพิ่มเติมในภายหลัง

โดยการดำเนินการของบริษัทในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้เข้ามาเร่งทำการสืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด นอกเหนือจากการแต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่เข้าทำหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและปรับปรุงระบบการควบคุมภายในให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท และการตรวจสอบธุรกรรมทางเงิน ข้อมูลทางบัญชี รายการเดินบัญชี เส้นทางการเงินและจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องในเชิงลึกโดยผู้สอบบัญชีและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องนั้น บริษัทได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้สืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายจนถึงที่สุด

ขณะที่การดำเนินการของบริษัทในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้เข้ามาเร่งทำการสืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด นอกเหนือจากการแต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่เข้าทำหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและปรับปรุงระบบการควบคุมภายในให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท และการตรวจสอบธุรกรรมทางเงิน ข้อมูลทางบัญชี รายการเดินบัญชี เส้นทางการเงินและจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องในเชิงลึกโดยผู้สอบบัญชีและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องนั้น บริษัทได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้สืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายจนถึงที่สุด

ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทได้จัดให้มีการขยายผลการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ (forensic accounting) โดยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) บริษัทจึงได้ให้ความร่วมมือในการให้รายละเอียดเชิงลึกตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้ขยายผลให้แก่ทั้งสองหน่วยงานข้างต้นเป็นระยะๆ และได้ทยอยส่งมอบข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ตามที่บริษัทมีให้แก่ทั้งสองหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการรวบรวมพยานหลักฐาน การทำงาน และการสืบสวนของทั้งสองหน่วยงาน

อย่างไรก็ดี เนื่องจากข้อจำกัดในการดำเนินกระบวนการทางกฎหมาย บริษัทจึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ ในเรื่องนี้ได้ จึงขอแจ้งความคืบหน้าและข้อมูลเท่าที่เปิดเผยได้ (ตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) ให้กับตลาดหลักทรัพย์ทราบในภายหลังต่อไป

Back to top button