PLT แย้มไตรมาส 2 สดใส! อัตรากำไรสุทธิโต 30% เตรียมชงบอร์ดซื้อเรือใหญ่ 1 ลำ
PLT แย้มไตรมาส 2/66 สดใส แนวโน้มอัตรากำไรสุทธิโต 20-30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมมั่นใจครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่องจากเข้าช่วงไฮซี่ซั่นของการขนส่ง เนื่องจากต้องการใช้ก๊าซพุ่ง และเตรียมชงบอร์ดเคาะซื้อเรือขนก๊าซขนาดใหญ่ 1 ลำ มีปริมาตรขน 1,700 ตัน
นายวราวิช ฉิมตะวัน กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีลาทัส มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PLT เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอัตรากำไรสุทธิที่คาดว่าเติบโตราว 20-30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่คาดว่าครึ่งหลังของปี 2566 ยังเติบโตแข็งแกร่งเพราะเป็นเทรนขาขึ้น โดยในไตรมาส 3 จะยังเติบโตใกล้เคียงไตรมาสแรก แต่ในช่วงไตรมาส 4 นับเป็นช่วงไฮซี่ซั่นของการขนส่ง เนื่องจากยอดขายก๊าซในช่วงดังกล่าวมีจำนวนมาก
พร้อมกับเริ่มมีการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและสินค้าอื่นทางรถบรรทุก (ประเภทก๊าซปิโตรเลียมเหลว) ที่จะให้บริการแก่บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR จำนวนรถ 39 คัน มีอายุสัญญา 5 ปี ซึ่งให้มีการขนส่งในพื้นที่ภาคกลาง, ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ซึ่งจะสามารถเดินรถได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2571 อย่างไรก็ตามก็จะเริ่มรับรู้รายได้ทันทีหลังจากดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตามในส่วนปริมาณการขนส่งจะเต็มตัวตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งจะส่งผลให้เติบโตขึ้นจากปี 2565 มากถึง 150-200% และสามารถช่วยคับเคลื่อนให้รายได้ในปี 2567 ให้มีโอกาสเฉียด 1,000 ล้านบาท
นายวราวิช กล่าวอีกว่า เตรียมชงบอร์ดนำเงินจากการระดมทุนเข้าซื้อกำลังเรือขนก๊าซขนาดใหญ่เพิ่ม 1 ลำ ขนาดเรือมีปริมาตรขน 1,700 ตัน ซึ่งจะขนส่งระหว่างประเทศ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 ว่า บริษัทฯและบริษัทย่อยสามารถทำผลงานเติบโตได้ตามเป้าหมาย มีรายได้จากการให้บริการ 200.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.71 % และมีกำไรสุทธิ 20.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.06 ล้านบาท
“สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ มุ่งต่อยอดการให้บริการขนส่งทางเรือและรถบรรทุกเพิ่มมากขึ้น ตามความต้องการใช้ก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือน ภาคการขนส่ง ภาคอุตสาหกรรมรวมต่าง ๆ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน พร้อมเร่งเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถการให้บริการ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นและมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง” นายวราวิช กล่าว