“เอกภาวิน” ชู 7 หุ้นเด่นเก็งกำไร ธีม “Earning Play”

“เอกภาวิน สุนทราภิชาติ” แนะนำหุ้นน่าเก็งกำไร ธีม Earning Play ชู AOT- BBL- ADVANC- MINT- OSP- BDMS- BM พร้อมย้ำจับความชัดเจนทางการเมืองและเฟดที่จะกระทบกับค่าเงินบาท


นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (19 มิ.ย. 66) ว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวไปในทิศทางดาวโจนส์และตลาดภูมิภาคเอเชีย  ว่าด้วยมุมมองของตลาดและกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มองแตกต่างกัน ซึ่งหากอิงจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ก็อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.6% จากล่าสุดดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 5.00-5.25%

นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อมีการชะลอตัวลงค่อนข้างชัด เนื่องจากตลาดแรงงานเริ่มลดความร้อนแรงลง ส่งผลให้ตัวของตลาดจึงมีภาพรวมในทิศทางไม่ค่อยคงที่ เมื่อมีความเห็นจากการประชุมเฟดในแง่ที่มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ ตลาดก็อาจจะชะลอตัวลง แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ความหวังเดิมที่ว่าตลาดอาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่หนุนตัวตลาดไว้

โดยระหว่างนี้ยังคงให้จับตามองเรื่องการเมือง และเรื่องดอกเบี้ยของเฟดในครั้งต่อไป เนื่องจากดอกเบี้ยเฟดมีความเกี่ยวเนื่องกับตัวค่าเงินบาทเช่นเดียวกัน ค่าเงินบาทที่แกว่งตัวในกรอบแคบเกี่ยวข้องกับตัว Flow ที่อาจจะยังไม่เข้ามา ส่วนค่าเงินภูมิภาคยังมีความอ่อนค่า ฝั่งตลาดจีนมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หรือกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจของจีน จะเห็นได้ว่าตลาดมีปัจจัยที่ส่งผลทั้งด้านบวกและลบเข้ามาเกี่ยวเนื่อง ในเรื่องของการเมืองไทยต้องรอความชัดเจนสักประมาณ 1-2 เดือน จึงมองว่าภาพรวมของตลาดในสัปดาห์นี้ยังคงเป็นภาพที่แกว่งในกรอบอยู่ แนวรับอยู่ที่ 1,550-1,540 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,570-1,580 จุด

อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตการตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนและมีความราบรื่นแล้ว มองว่าตลาดจะมีทิศทางบวก หรือหากอิงจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น ปัจจัยลบ หากดัชนีมีการปรับลดลงมา ก็มองว่าสามารถซื้อได้ ยกตัวอย่างสถานการณ์ในวันศุกร์ (16 มิ.ย. 66) ที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่ช่วงภาคบ่ายของวัน ดัชนีมีการปรับลดลงไปกว่า 10 จุด แต่ปรากฏว่ามีแรงซื้อเข้ามาทำให้ดัชนีสามารถปิดบวกได้ในสุดท้าย เหตุการณ์นี้จะคล้าย ๆ กันในทุกครั้ง ถ้าหากว่าดัชนีลดลงไปใกล้ 1,500 จุดเมื่อไร ถ้าอิงกับ earning ของตลาดภายในปี 67 นั้นประมาณ 14 เท่า กรอบต่ำกว่า 1,500 จุด ก็มองว่ามีความน่าสนใจ มีโอกาสที่ Downside จะเริ่มจำกัด

ทั้งนี้ หุ้นที่น่าเก็งกำไรในช่วงสัปดาห์นี้ กลุ่มหุ้นที่โดดเด่นที่สุด คือ ธีม Earning Play มองว่ายังแข็งแรงและสามารถเล่นได้อยู่ โดยหุ้นกลุ่มนี้ตัวที่จะเติบโตทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL,  บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP,  บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM

ส่วนกลุ่มหุ้นที่ Earning ทำ bottom ไปแล้วจะมีด้วยกันอยู่ 2 ตัว ได้แก่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE โดยให้แนวรับอยู่ที่ 39-40 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 42.50-44 บาท

Back to top button