TPL เคาะราคาไอพีโอ 3.30 บาท ลุยขยายศูนย์กระจายสินค้า-เปลี่ยนรถขนส่ง “อีวี”
"ไทยพาร์เซิล" หรือ TPL เคาะราคาขายหุ้นไอพีโอ 3.30 บาท/หุ้น ระดมทุน 396 ล้านบาท ขยายศูนย์กระจายสินค้า-พัฒนาระบบเทคโนโลยี-เปลี่ยนรถขนส่งเป็นรถ “อีวี”
บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น เตรียมเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 22-26 มิ.ย.66 โดยจะนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.ลงทุนในศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้า 2. ลงทุนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 3.ลงทุนปรับเปลี่ยนยานพาหนะในการขนส่งสินค้าเป็นรถพลังงานไฟฟ้า (EV)
ทั้งนี้ TPL ประกอบธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าหรือสิ่งของในประเทศไทยทั้งสำหรับภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป รวมถึงให้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ให้สามารถประกอบธุรกิจขนส่งได้ โดยลักษณะการให้บริการหลักของบริษัท ได้แก่ การรับสินค้าหรือสิ่งของจากจุดบริการทั่วประเทศหรือรับจากลูกค้าโดยตรง แล้วรวบรวมมาคัดแยกที่จุดคัดแยกเพื่อนำไปส่งที่จุดหมายปลายทาง ซึ่งมีทั้งคลังสินค้า โรงงาน ร้านค้า หรือบ้านของลูกค้า รวมถึงสาขาของบริษัท และมีการให้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง (Cash on Delivery: COD)
โดยลูกค้าที่ใช้บริการกับบริษัทสามารถติดตามสินค้าที่จัดส่งได้จากระบบของบริษัท (Parcel Tracking) ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการการขนส่งที่บริษัทพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยบริหารจัดการการจัดส่งสินค้า โดยครอบคลุมตั้งแต่การรับสินค้า การออกบาร์โคด (Barcode) สำหรับตรวจสอบสถานะการจัดส่ง การบันทึกการจัดรถเพื่อรับและส่งสินค้า การบันทึกข้อมูลลูกค้าปลายทางและข้อมูลการเก็บเงินปลายทาง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการให้บริการเสริม (Fulfillment) เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า ได้แก่ บริการจัดส่งคืนเอกสารการจัดส่งสินค้าสู่ลูกค้าต้นทาง (Proof of Delivery: POD) บริการห่อหุ้มสินค้าและจัดชุดสินค้าเพื่อเตรียมกระจาย (Packing) ซึ่งเป็นการให้บริการเสริมให้แก่กลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจในปัจจุบัน
สำหรับโครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทสามารถแบ่งได้ตามประเภทของการจัดส่ง ได้แก่ 1) การจัดส่งแบบธุรกิจถึงธุรกิจ (Business to Business: B2B) 2) การจัดส่งแบบบุคคลถึงบุคคล (Customer to Customer: C2C) และ 3) การจัดส่งแบบธุรกิจถึงบุคคล (Business to Customer: B2C)
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ได้เผยแพร่ข้อมูลแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ล่าสุด พบว่ามีการกำหนดราคาขายหุ้น IPO ที่ 3.30 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 47.14 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิที่ 0.07 บาทต่อหุ้น ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.65-31 มี.ค.66 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 27.82 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดก่อนการเสนอขาย IPO จำนวน 404.00 ล้านหุ้น (Pre-IPO Dilution) และคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 66 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิที่ 0.05 บาทต่อหุ้น หากพิจารณากำไรสุทธิต่อหุ้นที่คำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดหลังขาย IPO เท่ากับ 524.00 ล้านหุ้น (Post-IPO Dilution) และมีมูลค่าการเสนอขายรวม 396 ล้านบาท