BLC เทรดสนั่น! โบรกเคาะเป้า 16.30 บาท มองกำไรปีนี้โต 36%
หุ้นไอพีโอน้องใหม่ BLC ลงสนามเทรดวันนี้ ลุ้นวิ่งแตะเป้า 16.30 บาท คาดกำไรปี 66 เติบโตราว 36% และปี 67 เติบโต 34% จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 มิ.ย.66) บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC เตรียมเข้าจดทะเบียนและเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BLC”
ด้าน นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า BLC ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ภายใต้เครื่องหมายการค้าทั้งหมด 485 ตราสินค้า แบ่งเป็น ประเภทยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ
โดยเป็นยาที่มีตัวยาสำคัญเหมือนยาต้นแบบ หรือยาที่หมดอายุสิทธิบัตรแล้ว ภายใต้เครื่องหมายการค้า เช่น DiabeDerm, Glucosa, GASTRO BISMOL ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เช่น Capsika, KACHANA, Plaivana ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดย BLC เริ่มตั้งแต่การออกแบบพัฒนาสูตรตำรับยาตามหลักการเภสัชกรรม และมีศูนย์วิจัย BLC เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาประยุกต์ใช้ รวมทั้งวิจัยและพัฒนาต่อยอดเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์
ขณะที่ BLC มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO จำนวน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนรวม 150 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 120 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของ Viva Sonata Pte., Ltd. จำนวน 30 ล้านหุ้น โดยเสนอต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้มีอุปการคุณ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ของบริษัทและบริษัทย่อย ในระหว่างวันที่ 14 – 16 มิถุนายน 2566 ในราคาหุ้นละ 10.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,260 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 6,300 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
ด้าน ภก. สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC เปิดเผยว่า บริษัทมีกลยุทธ์ในการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยมีแผนที่จะนำเงินระดมทุนส่วนใหญ่ไปก่อสร้างโรงงานผลิตยาอาคารใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 200% และลงทุนงานวิจัยและพัฒนายาสามัญใหม่ โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้เป็น 2,000 ล้านบาทภายในปี 2569
ทั้งนี้ BLC มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มผู้ก่อตั้งได้แก่ ภก. สุวิทย์ งามภูพันธ์ และภรรยา น.ส. สุณิสา มงคลอารีย์พงษ์ ถือหุ้นรวม 37.2% นายสมชัย พิสพหุธาร ถือหุ้น 15% และนายศุภชัย สายบัว ถือหุ้น 3.8% โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และข้อบังคับของบริษัทฯ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน แผนการขยายธุรกิจ และความเหมาะสมอื่น ๆ
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 16.30 บาท เทียบเท่า Implied P/E ของปี 2567 ที่ 42.8 เท่า ใกล้เคียง Target PER ของหุ้นโรงพยาบาลใหญ่อย่าง BH และ BDMS ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก
พร้อมคาดการณ์กำไรของ BLC ในปี 2566 จะเติบโตได้ราว 36% และในปี 2567 เติบโต 34% จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยในระหว่างรออาคารผลิตใหม่ที่จะสร้าง บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตที่อาคารเดิมเพิ่มจาก 1 กะเป็น 2 กะในปีนี้ รองรับดีมานต์ที่สูง รวมถึงการเพิ่มการผลิตยาสามัญใหม่ปีละ 2 รายการตามแผนเพื่อช่วยเพิ่ม GPM
โดยประเมินว่ายอดขายปีนี้โตราว 16% และปีหน้าโตอีก 13% รวมทั้งภาระดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงจากเงินที่ระดมทุนจากขายหุ้น IPO บางส่วนเพื่อนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ ซึ่ง ณ สิ้นปี 2565 มีเพียง 480 ล้านบาท