MAXBIT คว้า 2 ไลเซนส์ “โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัล” ตั้งเป้ายอดเทรด 1 ปีมาร์เก็ตแชร์โต 10%
MAXBIT คว้า 2 ใบอนุญาต “โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัล” ลุยซื้อขายคริปโต-โทเคน มั่นใจฐานลูกค้าจากบัตรแม็กซ์ การ์ด เริ่มต้นประมาณ 300,000 ราย และตั้งเป้ายอดเทรด 1 ปีรักษามาร์เก็ตแชร์โต 10% พร้อมตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 กลุ่มตลาดนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ช่วยเสริม PTG ให้เติบโตแข็งแกร่ง
นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด หรือ MAXBIT ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบการเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับใบอนุญาตเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล แบ่งเป็น 2 ใบอนุญาต ได้แก่ 1. ไลเซนส์ดิจิทัลแอสเซจโบรกเกอร์และ 2. ไลเซนส์คริปโตเคอเรนซี่โบรกเกอร์ โดยสามารถซื้อขายได้ทั้งโทเคนดิจิทัล และคริปโตเคอเรนซี่
ทั้งนี้ หลังจากได้รับใบอนุญาตแล้วอีกสาม 3 เดือน หลังจากหน่วยงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เข้ามาตรวจสอบระบบเสร็จเรียบร้อย ซึ่งคาดว่าในเดือนตุลาคมสามารถเข้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ และในส่วนของลูกค้าที่เข้ามาซื้อขายโทเคนและคริปโตสิ่งที่ต้องได้คือ พอยท์ Max Card เพื่อสามารถไปใช้ในการแลกซื้อสินค้าในแมกซ์มาร์ท ( Max Mart), ร้านกาแฟพันธ์ไทย และเติมน้ำมัน เป็นต้น
สำหรับเหรียญคริปโตที่นำมาซื้อขายจะเป็นเหรียญชั้นนำของตลาด โดยเฉพาะท็อป 10 ที่คนไทยซื้อขายกันอยู่แล้วจะนำเข้ามาเทรดอย่างแน่นนอน แต่สิ่งที่อย่างให้มองหลังจากบริษัทได้รับใบอนุญาตแล้ว ไม่ได้ขายแค่คริปโตแต่สามารถขายโทเคนได้อีกด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังหารือกับพาร์ทเนอร์ที่คัดเลือกเหรียญนำมาซื้อขาย โดยเฟสแรกคาดว่าจะมีประมาณ 20 เหรียญ ซึ่งเหรียญคริปโตและโทเคนที่ผ่าน ก.ล.ต. ตรวจสอบแล้วทาง “แม็กซ์บิท” ก็สามารถนำมาซื้อขายได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามจุดเด่นที่คาดว่าจะมีผู้เข้ามาซื้อขายจะเป็นกลุ่มที่มีการลงทุนอยู่แล้ว ซื้อกองทุนอยู่แล้ว และซื้อหุ้นอยู่แล้วนั่นเอง และมากกว่านับเป็นกลุ่มที่คุ้นเคยในการลงทุน
นายปกเขตร กล่าวอีกว่า เชื่อว่าบิตคอยน์จะเป็นขาขึ้นรอบใหม่อีกไม่นาน สำหรับก่อนหน้า ณ เวลาที่บิตคอยน์เป็นขาขึ้นในขณะนั้นสามารถไปแตะบริเวณ 60,000 ดอลลาร์ ยอดการเทรดคริปโตต่อเดือนอยู่ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท แต่ ณ จุดที่บิตคอยน์ลงไปต่ำสุดบริเวณ 19,000 ดอลลาร์ ยอดการเทรดคริปโตต่อเดือนอยู่ประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเริ่มเห็นตลาดคริปโตฟื้นตัวขึ้นมาแล้วภายใน 4 เดือนนี้ ยอดการเทรดต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 5-5.5 หมื่นล้านบาท ดังนั้นหากในอนาคบิตคอยน์ของตลาดโลกและตลาดไทยกลับสู่จุดเดิมบริเวณ 60,000 ดอลลาร์ บริษัทฯจะได้ค่าคอมมิชชั่นจำนวนมากได้อย่างแน่นอน
ขณะที่ฐานลูกค้าคาดเบื้องต้นจะเป็นสมาชิกจากบัตรแม็กซ์ การ์ด (Max Card) ที่มีสมาชิกอยู่ราว 18 ล้านราย แต่อาจจะไม่ใช้กลุ่มจากบัตร Max Card ทั้งหมด แต่คาดว่าในกลุ่มบัตรจะมีประมาณ 100,000-150,000 ราย ที่อาจเข้ามาซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลก็เป็นได้ ซึ่งจะเป็นคนกลุ่มรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน คนที่อยู่ในหัวเมืองใหญ่ๆ โดยตั้งเป้าหลังจากเข้าไปราว 1 ปีแล้วอาจเห็นยูสเซอร์เทรดจากลูกค้าบัตรประมาณ 300,000 ราย
นอกจากนี้ ยอดขายหรือยอดเทรด Bitkub ล่าสุดประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งธุรกิจนี้มีความชัดเจนว่ามาจิ้นอยู่ประมาณ 0.25-0.50% ส่วนเป้าของแม็กซ์บิทที่ตั้งไว้โดยตั้งเป้า 1 ปีรักษามาร์เก็ตแชร์โต 10% และต่อเดือนจะอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท โดยประมาณการรายได้ต่อปีราว 1.1 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของกลุ่มตลาดนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย