ดักช้อน DIF หลังร่วง 7% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 13.90 บาท ชี้ปันผลสูง 7.7%
ดักเก็บ DIF หลังร่วง 7% ฟากโบรกฯประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” เพื่อรับผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 7.4-7.7% ระหว่างปี 66-68 ส่วนปีนี้คาดจ่ายเงินปันผลหน่วยละ 1 บาท คิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์ 7.8% ราคาเป้าหมาย 13.90 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(22 มิ.ย.66)ราคากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF ณ เวลา 14:55 น. อยู่ที่ระดับ 11.10 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 7.50% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.18 พันล้านบาท ราคาหุ้นนิวโลว์ไฮรอบ 8 ปี 5 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 11.10 บาท เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ธ.ค.58
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยฯปรับเพิ่มคำแนะนำกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF จาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” เนื่องจากมีโอกาสได้รับผลตอบแทนรวม 14.80% (เงินปันผลปี 66 ที่ 7.7% พร้อมอัพไซด์ 7.1% ต่อราคาเป้าหมายใหม่) รวมถึงปรับลดราคาเป้าหมายอิง DCF จาก 13.70 บาท เป็น 13.60 บาท หลังจากเพิ่ม WACC จาก 7.6% เป็น 7.7% โดยมีการปรับต้นทุน หรืออัตราดอกเบี้ยของหนี้สินเพิ่มขึ้นจาก 5.0% เป็น 5.7% ฝ่ายวิจัยฯ ชอบ DIF ที่จ่ายเงินปันผล 7.4-7.7% ในช่วงปี 66-68 และมีสัญญาเช่าระยะยาว โดยกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมีอายุสัญญาเช่าคงเหลือ 16.4 ปี (อายุสัญญาเช่าถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักรายได้)
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” DIF ราคาพื้นฐาน 13.90 บาท โดยกำไรหลักในไตรมาส 1/66 ออกมาที่ 3,038 พันล้านบาท (ลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา) สำหรับปันผลระหว่างกาล (DPU) งวดไตรมาส 1/66 เป็น 0.245 บาท (ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 3.4% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา), และคิดเป็นอัตราในงวด 1 ปี คือ 7.9% ถือว่ายังสูงอยู่มาก จึงได้ปรับลดคาดการณ์เงินปันผล (DPU) ตลอดปี 66-67 ในอัตราลดลง 2.8% และลดลง 6.3% ตามลำดับ
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำคงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) DIF ที่ราคาเป้าหมาย 13.90 บาท ขณะเดียวกัน มองเป็นกลางต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ของกองทุน DIF มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 2,808 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/65 กองทุนฯ มีการปรับลดมูลค่าเงินลงทุนในทรัพย์สินเป็นผลขาดทุน 229 ล้านบาท น้อยกว่าฝ่ายวิจัยฯคาดหากหักรายการดังกล่าว มีกำไรจากการลงทุน 3,038 ล้านบาท (ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวเมื่อเทียบไตรมาสที่ผ่านมา) ใกล้เคียงฝ่ายวิจัยฯคาดและจ่ายเงินปันผลงวดไตรมาส 1/66 หน่วยละ 0.245 บาท (yield 1.9%)
อย่างไรก็ตาม คาดกำไรจากการลงทุนไตรมาส 2/66 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ใกล้เคียงไตรมาส 1/2566 และคาดจ่ายเงินปันผลงวดไตรมาส 2/66 ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/66 ส่วนทั้งปี 66 คาดจ่ายเงินปันผลหน่วยละ 1 บาท (yield 7.8%) มองว่ากองทุนฯยังสามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 7.8% ต่อปี