คัด 12 หุ้นน่าลงทุนยาว ลุ้นรับรีเทิร์นสูง

“กรุงศรี พัฒนสิน” คัด 12 หุ้นเด่นพื้นฐานแกร่ง HANA, KCE, IVL, PTTGC, SCGP, CPAXT, GLOBAL, CENTEL, GULF, AMATA, BCH, KBANK แนะซื้อลงทุนยาวกรอบ 12 เดือน ลุ้นผลผลตอบแทนสูง


บล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินการปรับตัวลงของตลาดสู่ระดับ 1,476 จุด เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.66 ระดับ Equity Risk Premium  ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3.5% vs. Avg 3.05% จากการศึกษาข้อมูลในช่วงปี 2549-2565 ดัชนี SET มีการปรับลงจน Equity Risk Premium ปรับขึ้นแตะ 3.5% ทั้งหมด 16 ครั้ง มักเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนสาหรับกรอบระยะเวลา 3 เดือน, 6 เดือน และ 12 เดือน จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +4.99%, 9.23% และ 17.35% (โอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวก 75-88%) ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำกรอบ SET ที่ 1,467 – 1,450 จุด เป็นกรอบแรกที่น่าซื้อในตอนนี้ โดยแนะนำเริ่มสะสมหุ้นสำหรับลงทุนระยะยาว

ส่วนกรณีตลาดผันผวนรุนแรง ประเมินแนวรับหลักจะไม่หลุด คือกรอบ 1,365 – 1,340 จุด ซึ่งสะท้อน Equity Risk Premium 4.1% หรือระดับ Avg + 1sd จากการศึกษาข้อมูลเชิงสถิติ การซื้อเมื่อ SET อยู่ในกรอบดังกล่าว 10 ครั้งหลังสุด (ไม่รวมช่วงวิด) และถือครอง 3 เดือน, 6 เดือน และ 12 เดือน จะให้ผลตอบแทน +7.47%, +11.96% และ 30.48% (โอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกเกือบ 100%) โดยแนะนำเป็นจุดเข้าซื้อลงทุนในกรอบระดับ 12 เดือนเพื่อคาดหวังผลตอบแทน

ทั้งนี้โครงสร้างอุตสาหกรรมที่มักให้ผลตอบแทนสูง หลังจากการเข้าลงทุนบริเวณ SET บริเวณที่มีระดับ Equity Risk Premium +0.5 S.D. และ +1.0 S.D. จากค่าเฉลี่ย ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วน, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มบรรจุภัณฑ์, กลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มโรงพยาบาล ในเชิงกลยุทธ์ได้ทำการคัดเลือกหุ้นที่มีความน่าสนใจ 12 บริษัท โดยแต่ละบริษัทมองจุดเด่นทางพื้นฐาน ดังนี้

บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ราคาเป้าหมาย 58 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ผ่านการปรับฐาน -32.4% ภาพรวมธุรกิจปัจจุบันผ่อนคลายขึ้นต่อเนื่อง หลังปัญหา Chip shortage ที่ผ่อนคลายขึ้น ผสานโครงสร้างเศรษฐกิจโลกที่แนวโน้มเป็น Mild recession จะหนุนวงจรส่งออกชิ้นส่วนผ่านจุดต่ำสุด ขณะที่จะต่อยอดด้วยผลบวก China Reopening ที่เร่งขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะดีต่อทั้งโรงงานจีน (20% ชองยอดขาย) นอกจากนี้ ระยะกลาง-ยาว หนุนโอกาสเติบโตรอบใหม่จากการลงทุน Silicon Carbide ลุ้นเปิด Upside Risk กำไรต่อเนื่อง Valuation หุ้นปัจจุบันมี Forward PER ปี 66 ที่ 17.5 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ขณะที่ธุรกิจกำลังเข้าสู่วงจร Upcycle

บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ราคาเป้าหมาย 58 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ผ่านการปรับฐาน -34.9% รับประโยชน์จากการกระตุ้นอุตสาหกรรม EV car ของจีนใน 4 ปีข้างหน้า โดยระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 300-350 ล้านบาท เริ่มฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนจากอัตรากาไรที่ดีขึ้น หลังต้นทุนราคาทองแดงและวัสดุสิ้นเปลืองลดลง ขณะที่ยอดขายยังใกล้เคียงไตรมาส 1/66 โดยประเมินกำไรปี 66 ที่ 1,656 ล้านบาท ลดลง 23% จากปีก่อน ตามยอดขายและ GPM ที่ลดลง ลุ้นเปิด Upside Risk กำไรต่อเนื่อง Valuation หุ้นปัจจุบันมี Forward PER ปี 66 ที่ 21.7เท่าใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ขณะที่ธุรกิจกำลังเข้าสู่วงจร Upcycle

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาเป้าหมาย 41 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ผ่านการปรับฐาน -19.8% ขณะที่คาดกำไรปกติไตรมาส 2/66 ที่ 5 พันล้านบาท ลดลง 72% จากปีก่อน แต่เติบโต 368% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ฟื้นตัวสูงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจาก PET และ IOD (Integrated Oxides & Derivatives) เข้าสู่ high season และความต้องการ Fibers ในภูมิภาคเอเชียที่ฟื้น รวมถึง spread PET ที่ฟื้นเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล และต้นทุนพลังงานที่ลดลง โดยประเมินกำไรปกติปี 66 ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท ลดลง 41% จากปีก่อน ราคาหุ้นปัจจุบันมี Forward PBV ปี 66 ที่ 0.92 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 1.35 เท่า

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาเป้าหมาย 59 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ผ่านการปรับฐาน -27.8% ระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 2/66 ถึงไตรมาส 4/66 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนอย่างต่อเนื่อง โดยโมเมนตัมการฟื้นตัวหลักจะอยู่ในครึ่งหลังปี 66 หลังผ่านช่วง Supply ใหม่เข้ามากสุดในครึ่งแรกปี 66 ขณะที่การเปิดประเทศของจีนหนุนความต้องการใช้พลาสติก กระตุ้น Demand ปิโตรเคมีได้ดี (สินค้าหลักอย่าง PE จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของจีน) หนุนมีโอกาสเห็นรอบการฟื้นตัวแรงขึ้นระยะถัดไป ราคาหุ้นปัจจุบันมี Forward PBV ปี 66 ที่ 0.54 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 0.74 เท่า

บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ราคาเป้าหมาย 58.5 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ที่ ปรับตัวลง -38% สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว รวมถึงผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 4/66 สามารถซื้อตอบรับการฟื้นตัวต่อเนื่องรายไตรมาสตลอดปี 66 แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ตามสถานการณ์ในประเทศจีนที่ทยอยฟื้นตัว และมีความคาดหวังจะเห็นรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือน ก.ค.66 เป็นผลบวกต่อทั้งรายได้และอัตรากำไร ราคาหุ้นปัจจุบันมี Forward PBV ปี 66 ที่ 1.51 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 2.5 เท่า

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ราคาเป้าหมาย 48 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ผ่านการปรับฐาน -17.5% ระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 2/66   เริ่มเข้าสู่จุดฟื้นตัวเพิ่มจากปีก่อนและจากไตรมาสก่อน โดย SSSG เม.ย. ค้าส่งยังบวก 6-8% และต้นทุนค่าไฟปรับลง ก่อนที่จะเร่งขึ้นชัดเจนในครึ่งหลังปี 66 หนุนคาดกำไรปี 66 โตแรงสู่ระดับ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 47% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นอีก 23% จากปีก่อน ในปี 67 สูงลาดับต้นของกลุ่มค้าปลีก เชื่อว่าจะเป็นหุ้นแรกๆ ของกลุ่มค้าปลีกที่กลับมาเป็นตัวเลือกหลักของตลาด

บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ราคาเป้าหมาย 20 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ผ่านการปรับฐาน -24.5% ประเมินกำไรงวดไตรมาส 2/66 เป็นจุดต่ำสุดก่อนคาดหนุนโมเมนตั้มกำไรครึ่งหลังปี 66 จะกลับมาโตจากปีก่อน และมี Upside เพิ่มเติม หากจีนเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ จะหนุนราคาเหล็กดีต่อทั้งยอดขายและมาร์จิ้น Valuation ปัจจุบัน แม้มี Forward PER ปี 66 ที่ 23.9 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย แต่เชื่อจะเห็นการ Re Rate ขึ้น หากธุรกิจกลับมาเป็นรอบ Upcycle

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ราคาเป้าหมาย 60 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ปรับลง -12.3% โดยปรับลงต่อเนื่องระยะหลัง จากแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/66 ไม่โดดเด่นเท่ากลุ่ม คือ อยู่ที่ราว 150-200 ล้านบาท (Vs. 32 ล้านบาท ในไตรมาส 2/65 และ 604 ล้านบาทในไตรมาส 1/66) แต่ระยะถัดไปจะดีขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะการฟื้นตัวไตรมาส 4/66 ที่หลายภูมิภาคเป็นช่วง high season และแรงหนุนธุรกิจร้านอาหารที่ตามการ Reopening และแรงกดดันต้นทุนผ่อนคลายลงต่อเนื่อง Valuation ปัจจุบันอยู่ในโซนน่าสนใจ มี Forward PER ปี 66 ที่ 34.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 37.7 เท่า

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ราคาเป้าหมาย 55 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ปรับฐานลง -18% จากจิตวิทยาความกังวลนโยบายปรับโครงสร้างธุรกิจพลังงาน อย่างไรก็ตาม คาดว่ายังต้องใช้เวลาและมีโอกาสพลิกภาพ หากพรรคก้าวไกลไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ นอกจากนี้ กำไรระยะสั้นยังแข็งแกร่งไตรมาส 2/66 ที่ 3,765 ล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อนq) ตามโรงไฟฟ้าที่ COD มากขึ้น รวมถึง GPM การขายไฟ IU ที่ฟื้นตั้วตามค่าไฟ (Ft หนุน) โดยประเมินกำไรปี 66 ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 51% จากปีก่อน จากทั้งโรงไฟฟ้าใหม่ (COD + M&A), การปรับขึ้น Ft ช่วยอัตรากาไร และต้นทุนก๊าซทยอยลดลง ขณะที่ระยะกลางยาวสดใส จากแผน COD ต่อเนื่องใน 5 ปีข้างหน้า ปี 66-70 ทำให้ Equity MW เพิ่มขึ้น 46% เป็น 8.6 พันเมกะวัตต์ (จากปี 65 ที่ 5.9 พันเมกะวัตต์) Valuation ปัจจุบันอยู่ในโซนน่าสนใจ มี Forward PER ปี 66 ที่ 32.99 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 36.56 เท่า

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ราคาเป้าหมาย 25 บาท คาดกำไรปกติปี 66 ระดับ 1.8 พันล้านบาท เติบโต 49% จากปีก่อน จากการฟื้นตัวของยอด Presales สู่ระดับ 1,500 ไร่ในปีนี้ โดยเชื่อว่ามี Upside Risk เพิ่มเติมจากกระแสลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ EV ในประเทศไทย ทั้งนี้ ในส่วนผลประกอบการปีนี้จะขับเคลื่อนจากยอดโอนที่ดินเพิ่มจาก 616 ไร่ในปี 65 เป็น 785 ไร่ในปีนี้ และธุรกิจโรงไฟฟ้าจะได้รับประโยชน์จากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงจากปีก่อน นอกจากนี้ ธุรกิจนิคมฯคาดว่าจะได้ประโยชน์ชัดเจนจากโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2.7 ล้านล้านบาท ที่สัดส่วนกว่า 70-80% จะเปิดใช้ในสมัยรัฐบาลใหม่ 4 ปีข้างหน้า นำธุรกิจเดินหน้าสู่ภาพ Upcycle รอบใหม่ ขณะที่ปัจจุบัน Valuation ปัจจุบันอยู่ในโซนใกล้ค่าเฉลี่ย มี Forward PER ปี 66 ที่ 12.9 เท่า ค่าเฉลี่ย 5ปีย้อนหลังที่ 13.03 เท่า

บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ราคาเป้าหมาย 23.5 บาท ราคาหุ้นจากจุดสูงสุด SET ปี 66 ผ่านการปรับฐาน -22.3% ขณะที่ประเมินกำไรผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/66 แล้ว ระยะสั้น รายได้ Covid จะมีมากขึ้นและการปรับค่าหัวประกันสังคมจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/66 และภาพระยะกลาง การเปิดประเทศ เพิ่มฐานลูกค้าต่างชาติต่อเนื่อง (ศูนย์เบาหวาน, IVF, Anti-aging) และไม่รวมถึง Upside รัฐบาลใหม่จะผลักดันระบบสาธารณสุขแข็งแรงขึ้น โดยเชื่อว่าช่องทางโรงพยาบาลประกันสังคมจะมีบทบาทสำคัญ หนุนธุรกิจเข้าสู่รอบการเติบโตใหม่ vs ปัจจุบัน Valuation ปัจจุบันอยู่ในโซนใกล้ค่าเฉลี่ย มี Forward PER ปี 66 ที่ 26.6 เท่า ค่าเฉลี่ย 5ปีย้อนหลังที่ 26.7 เท่า

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ราคาเป้าหมาย 160 บาท ราคาหุ้นนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับลง -17.2% ต่ำสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ มองสะท้อนประเด็นลบแล้ว ปัจจัยหนุนจากนี้ ประเมินมาจาก 1.) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท เติบโต  3% จากปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อน จากการเพิ่มขึ้นของ NIM จาก yield on loan ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น 2.) ความเสี่ยงค่าใช้จ่ายสำรองจำกัด ประเด็นลูกค้ารายใหญ่ ธนาคารตั้งสำรองไปแล้ว และการตั้งสำรองส่วน Management Overlay เพิ่ม ไม่กระทบต่อประมาณการ 3.) ธนาคารขนาดใหญ่ที่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนา Digital Banking เพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก และเพิ่มช่องทางการเติบโตใหม่ต่อเนื่อง ราคาหุ้นปัจจุบันมี Forward PBV ปี 66 ที่ 0.57เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 0.69 เท่า

Back to top button