PHG มั่นใจผู้ถือหุ้นเดิมขาย “บิ๊กล็อต” ไร้กระทบกิจการ-ขาย “ไอพีโอ” ขยายธุรกิจ
PHG มั่นใจ ผู้ถือหุ้นเดิมบางรายขายหุ้นผ่านกระดานบิ๊กล็อตามที่ระบุในไฟลิ่ง ยันไม่กระทบกิจการ และโครงสร้างการจัดการ ยืนยันหลัง IPO เดินหน้าขยายธุรกิจได้ตามแผน ตอกย้ำความมั่นใจนักลงทุน
นายรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG เปิดเผยว่าตามที่บริษัทฯ ได้เปิดเผยข้อมูลกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมบางรายจะขายหุ้น PHG จำนวน 29,205,000 หุ้น ผ่านกระดาน Big Lot ที่ราคา 21 บาทต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับราคาจองซื้อ IPO ให้กับนักลงทุน ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) และนักลงทุนสถาบัน
โดยหากผู้ถือหุ้นเดิมรายดังกล่าวขายหุ้นให้แก่นักลงทุนไม่ครบตามจำนวนที่ระบุไว้ข้างต้น จำนวนหุ้นที่ไม่ได้ขายจะถูกจำกัดการขายโดยความสมัครใจเป็นระยะเวลา 1 เดือนนับจากวันที่หุ้นสามัญเริ่มซื้อขายวันแรก (Voluntary IPO Lockup) และนอกจากหุ้นสามัญของผู้ถือหุ้นเดิมที่ติด Silent Period จำนวน 165,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 55% ของหุ้นที่ออก
รวมถึงเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ หุ้นสามัญของผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ได้ติด Silent Period จำนวน 29,854,909 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.95% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะถูกจำกัดการขายโดยความสมัครใจเป็นระยะเวลา 14 วันนับจากวันที่หุ้นสามัญเริ่มซื้อขายวันแรก (Voluntary IPO Lockup) ตามที่ระบุในหนังสือชี้ชวนและแบบสรุปข้อสนเทศแล้ว โดยการขายหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมบางรายดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน โครงสร้างคณะกรรมการ และโครงสร้างการจัดการของบริษัทฯ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนการใช้เงินภายหลังระดมทุน ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ 1 และอาคารจอดรถภายในปี 2567 โครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 2 ภายในปี 2569, เพื่อเป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในปี 2567, เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินบางส่วนภายในปี 2566 และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจภายในปี 2566 ซึ่งการเดินหน้าขยายธุรกิจดังกล่าว ถือว่าเป็นการต่อยอดพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ รองรับการให้บริการผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่และบริการทางการแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตที่ต่อเนื่องและยั่งยืน และที่สำคัญคือการตอกย้ำการเป็นสถานพยาบาลเอกชนชั้นนำที่ให้บริการในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง
โดยไม่มีความกังวลในการขายหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมบางรายดังกล่าว เพราะการขายหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมบางรายนั้น ไม่มีผลกระทบใดๆ กับการดำเนินธุรกิจ และโครงสร้างการจัดการ แต่กลับสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ทำให้มีกลุ่มนักลงทุนรวมถึงนักลงทุนสถาบันดังกล่าวที่ให้ความเชื่อมั่นในการเข้ามาถือหุ้น PHG
“ดังนั้นจึงอยากให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น เพราะยังให้ความสำคัญในการดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นทุกกลุ่ม รวมถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ให้ความเชื่อมั่นกับตลอดเวลาที่ผ่านมา และที่สำคัญภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นในแผนการขยายธุรกิจ และเสริมศักยภาพในการให้บริการทางการแพทย์ของเราเพื่อให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น สามารถสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต และเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายรณชิต กล่าว