“เสี่ยเอ” ฟาดกำไรสตาร์ค 5 พันล้าน “อดีตซีเอฟโอ” ซัดทอด “วนรัชต์-ชนินทร์” บงการแต่งบัญชี

“วนรัชต์” โกยเงินขายหุ้น STARK 3 รอบ ฟันกำไรบานฉ่ำ 5,000 ล้านบาท ด้าน “อดีตซีเอฟโอ” ซัดทอด “วนรัชต์-ชนินทร์” คือผู้บงการตกแต่งบัญชีเพื่อดันราคาหุ้น แต่เกิดขาดสภาพคล่องหนักจึงคิดการใหญ่หวัง “ตกปลาวาฬ” ขายหุ้นส่วนตัวให้ ปตท.หวังเอาเงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายหนี้และต่อยอดแต่งบัญชีเพิ่ม แต่กรรมตามทันดีลล่มเสียก่อน ล่าสุด “เสี่ยเอ” ขอเข้าพบดีเอสไอวันนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากวันที่ 14 มิ.ย. 2562 บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ SMM (ปัจจุบันคือบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK) เพิ่มทุนจดทะเบียนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 22,500 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 0.60 บาท มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท โดยมีการจัดสรรให้กับ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (เสี่ยเอ) จำนวน 16,500 ล้านหุ้น มูลค่า 10,890 ล้านบาท, Stark Investment Corporation Limited จำนวน 5,000 ล้านหุ้น มูลค่า 3,000 ล้านบาท

โดยเป็นการจัดสรรหุ้นเพื่อชำระค่าซื้อและรับโอนกิจการ “เฟ้ลปส์ ดอด์จ” ทั้งหมดจากบริษัท ทีมเอ โฮลดิ้ง 2 จำกัด (บริ ษัทส่วนตัวนายวนรัชต์) ภายหลังทำรายการดังกล่าว กลุ่มนายวนรัชน์ ถือหุ้น SMM จำนวน 98.56%

อย่างไรก็ดี หลังจากนายวนรัชต์เข้ามาถือหุ้นใหญ่ พบว่า นายวนรัชต์ได้มีการขายหุ้น STARK ออกมา 3 ครั้ง เริ่มต้นจากช่วงเดือน พ.ค. 2563 มีการขายออกมา 402.50 ล้านหุ้น หรือ 1.69% ราคา 1.85 บาท มูลค่า 744.63 ล้านบาท มีกำไรประมาณ 503 ล้านบาท (จากต้นทุน 0.60 บาท) ทำรายการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด

ถัดมาช่วงปลายเดือน ต.ค. 2563 มีการขายออกมาจำนวน 2,250 ล้านหุ้น หรือ 9.50% ราคา 1.40 บาท รวมมูลค่า 3,150 ล้านบาท มีกำไรประมาณ 1,800 ล้านบาท (จากต้นทุน 0.60 บาท) ทำรายการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ เครดิตสวิส (ประเทศไทย) จำกัด และช่วงเดือน ม.ค. 2564 จำนวน 952 ล้านหุ้น หรือ 7.99% ราคา 3.96 บาท มูลค่ารวม 3,770 ล้านบาท กำไรประมาณ 2,628 ล้านบาท (จากต้นทุน 1.20 บาท) ทำรายการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ เครดิตสวิส (ประเทศไทย) จำกัด และจากการขายหุ้นออกมาทั้ง 3 ครั้ง ทำให้นายวนรัชต์ (เสี่ยเอ) ได้กำไรจากการขายหุ้น STARK ประมาณ 4,931 ล้านบาท

นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน STARK เปิดเผยในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ออกอากาศทางช่อง 9 MCOT HD ว่า จากการไปให้ข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ที่ผ่านมา

กรณีก.ล.ต ตนได้ไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องบัญชี ซึ่งใช้เวลาในการให้ข้อมูลไป 9 ชั่วโมง โดยย้ำว่ากรณีนี้ไม่ใช่การยักยอกหรือทุจริต แต่เป็นธุรกรรมอำพราง ตกแต่งบัญชี  ซึ่งตนเองได้รับคำสั่งจาก นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการ บริษัท STARK และนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ STARK ซึ่งผู้ได้รับผลประโยชน์คือนายวนรัชต์ โดยได้ประโยชน์ในเรื่องของราคาหุ้น STARK ที่เพิ่มขึ้นจากการขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา

ส่วนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจำนวน 5,580 ล้านบาท ได้มีการนำไปจ่ายหนี้และจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารที่บริษัทกู้เงินมาหมดแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการทุจริต แต่เป็นการแต่งบัญชี โดยมีนายชนินทร์เป็นผู้สั่งการ

“ผมยอมรับผิดในสิ่งที่ทำความเสียหายในทางบัญชี ยอดขายปลอม ซึ่งการแต่งบัญชีเป็นการทำตามคำสั่งของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ” นายศรัทธา กล่าว

ทั้งนี้ นายชนินทร์มีความต้องการปั่นราคาหุ้น STARK ให้ไปถึง 5 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าการสร้างราคาหุ้นไม่ใช่การไซฟ่อนเงิน เมื่อราคาหุ้นขึ้นโอกาสที่หุ้นจะขยับขึ้นจาก SET100 ไปสู่ SET50 ก็มีสูง ซึ่งจะทำให้บรรดากองทุนสนใจเข้ามาลงทุนในหุ้นตัวนี้ ซึ่งขณะนี้ไม่แน่ใจว่านายชนินทร์หนีออกนอกประเทศไทยไปแล้วหรือยัง

“วัตถุประสงค์ของการแต่งบัญชีเพื่อปั่นราคาหุ้นให้สูงขึ้น หากดูจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงที่มีข่าว จะเห็นว่ามี Warrant ที่ครบกำหนด 5 บาท/หุ้น ในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยมีการการขายบิ๊กล็อตไปแล้ว 3 ครั้ง”

โดยที่ผ่านมา STARK เข้าตลาดหุ้นโดยใช้วิธี Backdoor Listing ผ่านบริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ SMM ที่ทำธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยมีการเข้าไปลงทุนในบริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จอินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสายไฟและเคเบิล รวมถึงมีการซื้อกิจการโรงงาน Thipha Cables ที่ประเทศเวียดนาม ช่วงที่ผ่านมา มีผลประกอบการออกมาไม่ดี  ทำให้ STARK มีปัญหาด้านสภาพคล่อง

“ทางกลุ่มสตาร์คได้มีการซื้อบริษัทที่เวียดนามขนาดใหญ่มากมา 2 บริษัท แต่เจอโควิดและบริษัทที่เวียดนามขาดทุนไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่ก็มีการชำระหนี้ตรงกำหนด โดยเงินชำระหนี้มาจากการบริหารงานบริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด จึงทำให้มีปัญหาเรื่องกระแสเงินสด อย่างไรก็ตามหากขายหุ้นสตาร์คใหรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งได้ ก็จะมีเงินมาจัดการปัญหาส่วนนี้ได้ จึงได้มีการออกหุ้นกู้เพิ่มทุนล็อตแรก เป็นไปตามวัตถุประสงค์และไม่เคยผิดนัดชำระ เพราะหากดีลจบก็จะจบปัญหาส่วนนี้ได้”

ทั้งนี้ผู้บริหาร STARK ก็ไม่ยอมตัดขายธุรกิจในเวียดนามออกไปเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง  แต่เลือกที่จะทำดีลใหม่แทนเพื่อหาเงินเข้าบริษัทไปชำระหนี้ โดยนายวนรัชต์ มีแผนที่จะขายหุ้น STARK ของตัวเองให้รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากผู้ที่ทำดีลนี้ที่อยู่ในปตท.เกษียณอายุทำให้ดีลจึงไม่สำเร็จ

ขณะที่นายศรัทธา ให้สัมภาษณ์กับรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศผ่านข่าวหุ้นที่วีออนไลน์และ FM 102 MHz เพิ่มเติมว่า กรณีดีลขายหุ้นให้กับรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งมีการเรียกในกลุ่มว่า “ดีลล่าปลาวาฬ” โดยเป็นที่รู้กันว่านั่นคือบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT หลังจากปัญหาเริ่มโผล่ช่วงปลายปี 2564 ที่ STARK มีความต้องเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท จึงต้องการเงินและสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการให้รัฐวิสาหกิจเข้ามาถือหุ้น แต่ต่อมาดีลล้ม เพราะหากขายหุ้นให้รัฐวิสาหกิจรายนี้ ก็จะได้เงิน 6,000 ล้านบาท เข้ามาจัดการปัญหาหนี้ค้างชำระได้

“รัฐวิสาหกิจที่เรียกกันภายในบริษัทว่า “ปลาวาฬ” เป็นสัญญาลักษณ์ที่พูดกันเองในกลุ่ม ซึ่งห้ามพูดชื่อรัฐวิสาหกิจแห่งนั้น” นายศรัทธา กล่าว

เบื้องต้นตามแผนหากได้เงินจากการขายหุ้นให้กับปตท. 6,000 ล้านบาท นายวนรัชต์ จะมีการนำเงินดังกล่าว ใส่เข้ามาใน STARK ประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญสภาพคล่อง ในรูปของเงินกู้ยืมจากนายวนรัชต์ หรือใส่เงินเข้ามาผ่านการแปลงวอร์แรนต์ (STARK-W1)

ขณะที่การดำเนินการตกแต่งบัญชีเพื่อเพิ่มมูลค่าหุ้นหลัก ๆ คือ การสร้างยอดขายเทียมให้ยอดขายสูงกว่าที่ควรเป็น ส่ง ผลทำให้ในบัญชีมีรายได้และกำไรเทียมเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีลูกหนี้เทียมจึงต้องนำเงินจากบริษัทในกลุ่มที่ไม่ใช่ STARK โยกเข้ามาเกลี่ยชำระลูกหนี้การค้าเทียม

สำหรับธุรกรรมการเงินหรือดีลซื้อกิจการต่าง ๆ จะทำผ่านธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ทั้งธนาคารกสิกรไทย (ธุรกรรมในประ เทศ) และยูโอบี (ธุรกรรมต่างประเทศ) เป็นหลักและธุรกิจการเงินระหว่าง STARK ไปยังกลุ่มบริษัทของนายวนรัชต์ จะดำเนินการผ่านบัญชีธนาคารของตน ที่เปิดไว้สำหรับเป็นบัญชีตัวกลางการรับโอนเงินหรือโยกเงินไปมา ระหว่าง STARK และบริษัทในเครือฯกับบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับ STARK แต่เป็นบริษัทส่วนตัวของนายวนรัชต์เอง

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กล่าวว่า นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ประสานมายัง DSI ขอเข้าพบคณะพนักงานสอบสวนในวันที่ 5 ก.ค.นี้ โดยจะเป็นตัวแทนของบริษัทเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลเพิ่มเติม แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตอบกลับรับนัดหมายอย่างเป็นทางการ หากมีการประสานตอบกลับไปคาดว่าทางพนักงานสอบสวนอาจจะมีการพูดคุยสอบถามกับนายวนรัชต์ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือไม่ก็ที่กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน

ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้นเกี่ยวกับความผิดปกติของงบการเงินของ STARK มีมูลเชื่อว่ามีการกระทำผิดของกรรมการหรือผู้บริหาร หรือบุคคลอื่นใด เกิดขึ้น ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พฤติการณ์มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุนและระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศ ขณะที่มีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมากจากการลงทุนในหุ้นกู้ของ STARK

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด DSI ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาแล้ว 2 ราย เป็นอดีตผู้บริหารของ STARK  โดยรายแรกให้มารับทราบข้อหาในวันที่ 6 ก.ค. เวลา 10.30 น. ส่วนรายที่ 2 ให้มาในวันที่ 7 ก.ค. เวลา 09.30 น. ที่กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8

โดยอดีตผู้บริหารทั้งสองคน มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยจากพยานหลักฐานและคำให้การของพยานบุคคลพบว่าทั้งคู่มีพฤติการณ์ตกแต่งบัญชี และได้รับผลประโยชน์ ขณะที่ DSI จะเร่งตรวจสอบจากพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกบุคคลอื่น ๆ มาเพิ่มเติมหากพบว่ารายใดมีพฤติการณ์ความเกี่ยวข้องกับการทุจริต

พ.ต.ต.ยุทธนา ปฏิเสธกระแสข่าว ที่ระบุว่า มีอดีตผู้บริหารส่งหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ DSI โดยยืนยันว่า ยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าวแต่อย่างใด

Back to top button