“กรภัทร” แนะเก็บหุ้น “บิ๊กแคป-เทคโนโลยี” ลุ้นฟื้นตัว

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (6 ก.ค. 66) ว่าตลาดหุ้นไทยยังคงรอในส่วนของปัจจัยภายในประเทศคือเรื่องของการเมือง แต่ปัจจัยภายนอกประเทศนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยแต่ละอย่างว่าจะเป็นบวกหรือลบ โดยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ส่วนภาพของเฟดก็ออกมาตามที่ เจอโรม พาวเวลล์ ได้แถลงออกมาหลังการประชุมเฟดรอบล่าสุด ว่าอาจยังคงอัตราดอกเบี้ยที่จะใช้ควบคุมภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ภายในเดือน ก.ค. จะมีการประชุมเฟดอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 0.25% แต่ตลาดก็ยังไม่ได้มองไปไกลเท่าการขึ้นดอกเบี้ยอีกแค่ครั้งเดียว กล่าวคือตลาดยังไม่ได้เชื่อ dot plot ทั้งหมด ส่งผลให้สัญญาณในระยะสั้นของค่าเงินดอลลาร์มีการแข็งค่าขึ้นมา ส่วนค่าเงินเอเชียมีการอ่อนค่า จึงทำให้ภาพของตลาดหุ้นเอเชียมีการแกว่งไซด์เวย์

นอกจากนี้ ด้านปัจจัยบวก คือ ทางรัสเซียและซาอุดิอาเรียมีความคิดเห็นตรงกันว่าจะลดแรงผลิตเพิ่มเติม      จึงเป็นที่มาว่าราคาน้ำมันดิบนั้นมีการดีดตัวขึ้นมา จ่อจะ break แนวต้านเดิม โดยสองเดือนที่ผ่านมาแนวต้านอยู่ที่ระดับ 77.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  จุดอย่างต่อเนื่อง แต่รอบนี้ดูเหมือนโครงสร้างค่อย ๆ ยกระดับขึ้นมา หาก break ได้ก็จะทำให้ราคาน้ำมันขึ้นไปอยู่กรอบบนที่ระดับ 80-84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นี้จะเป็นภาพบวกของหุ้นพลังงานของตลาดหุ้นไทยอยู่บ้าง

ขณะเดียวกันด้านปัจจัยทางการเมือง ตามที่ประธานสภาฯ ได้กล่าวเอาไว้ว่าจะมีการเลือกตั้งอยู่เรื่อย ๆ จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าทางในสภานั้นมีการวางแผนการแก้ไขปัญหาอยู่ไว้บ้างแล้ว ว่ามีการหารือ คัดสรร และการจัดตั้งรัฐบาลไว้อย่างไรบ้าง หากอิงจากจุดนี้ มองว่าท้ายที่สุดแล้วการเมืองไทยก็จะมีทางออกตามกรอบเวลาของกำหนดการณ์ และตลาดจะมีภาพบวกในระยะถัดไป โดยตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยใดมากนัก

อย่างไรก็ตามกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ให้กรอบแนวรับที่ระดับ 1,502-1,494 จุด ส่วนแนวต้านที่ระดับ 1,518-1,522 จุด

ด้านหุ้นแนะนำเข้าเก็งกำไร มองเป็นหุ้น Big Cap น่าสนใจ ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ให้แนวต้านที่ระดับ 34.50-35.25 จุด แนวรับอยู่ที่ระดับ 33.00 บาท , บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ  GULF คาดว่าเมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้จะมีการฟื้นตัวที่ดี ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 55.50 บาท

ด้านกลุ่ม ICT ที่น่าสนใจ คือ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ให้ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 13.20 บาท มองว่าเป็นโอกาสในด้านธุรกิจสามารถเติบโตได้โดยเฉพาะระบบดาวเทียมในพื้นที่ห่างไกลยังจำเป็นและกระแสของบริษัทที่มีการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) กำลังเป็นที่นิยม  และยังมีเรื่องหลักของโลก คือ การสำรวจต่าง ๆ ที่ต้องใช้ดาวเทียมนั้นให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีกว่า เพราะฉะนั้นหุ้น THCOM จะมีโครงสร้างบวกจากจุดนี้ประกอบอยู่ด้วย