“ซี แอล เอส เอ” คัดธีมลงทุนก่อนโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้ ชูกลุ่ม “อุปโภคบริโภค-Domestic”

“ซี แอล เอส เอ” จัดธีมลงทุนก่อนโหวตนายกฯ 13 ก.ค. นี้ ชู CPALL-CPAXT-HMPRO-BBL-KTB หุ้นท็อปพิกอุปโภคบริโภค-Domestic


บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) หรือ CLSA ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เกมการเมืองในขณะนี้อยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย สืบเนื่องจากการเลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค. นี้ โดยที่ถึงแม้การโหวตเลือกนายกจะยังมีความไม่แน่นอน แต่ CLSA เผยให้เห็นมุมมองของฝ่ายวิเคระาห์ที่เชื่อว่าเพื่อไทยจะเป็นผู้นำพรรคร่วม ซึ่งตลาดจะให้ผลตอบรับที่ดีกว่า และตั้งเป้า SET Index ไว้ที่ 1,650 จุด โดยเลือกหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค และ Domestic

โดยมองความเป็นไปได้สองทางสำหรับรัฐบาลใหม่

 8 พรรคร่วมส่งแคนดิเดต

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ น่าจะได้รับเลือกให้เป็นแคนดิเดตนายกจาก 8 พรรคร่วม โดยต้องได้เสียง 376 เพื่อเป็นนายก ทั้งนี้ 8 พรรคร่วมมีทั้งเสียงทั้งหมด 312 เสียง ซึ่งหมายความว่าพิธาจะต้องได้ 64 เสียงจาก ส.ว. โดยที่ CLSA มองว่าจะมีส.ว.น้อยกว่า 20 คนที่ยอมโหวตให้พิธา

ส่วนหากพิธาได้ไม่ถึง 376 เสียง 8 พรรคร่วมจะต้องหาแคนดิเดตนายกคนใหม่ โดยมองว่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ที่จะได้รับเลือกแทนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่ง CLSA มองว่าเศรษฐาน่าจะมีโอกาสได้เสียงจากส.ว.มากกว่าเนื่องจากเป็นคนที่มีการประนีประนอมมากกว่า ซึ่งน่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากส.ว.อนุรักษนิยมมากกว่าพิธา

เพื่อไทยย้ายฝั่ง

ทั้งนี้พรรคเพื่อไทย (141 เสียง) อาจเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ (40 เสียง) และยกให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณเป็นนายก โดยที่พลเอกประวิตรน่าจะได้รับเสียงโหวตจากส.ว.ที่ถูกแต่งตั้งโดยทหาร นอกจากนั้นแล้วยังมีพรรคภูมิใจไทย (71 เสียง) รวมกันแล้ว 252 เสียง ซึ่งยังสามารถรวมพรรคเล็กๆมาร่วมรัฐบาลได้รวมทั้งหมดราว 300 เสียง

ขณะที่หากเพื่อไทยย้ายฝั่ง ก้าวไกลอาจต้องไปเป็นฝ่ายค้าน และอาจเกิดการประท้วงได้เนื่องจากก้าวไกลเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดจากการเลือกตั้ง แต่ CLSA มองว่าการประท้วงใดๆก็แล้วแต่จะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น

ทั้งนี้ CLSA มองว่าตลาดจะมีความยินดีหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แต่ยังให้ความเป็นไปได้ 50/50 สำหรับความเป็นไปได้ทั้งสองทาง โดยภาวะตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่ามีความกังวลต่อนโยบายของพรรคก้าวไกล

ด้านกลยุทธ์การลงทุน กลุ่มอุปโภคบริโภค และ Domestic น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดหากเพื่อไทยได้เป็นผู้นำในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งน่าจะช่วยผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจสำหรับการบริโภคได้ โดย CLSA มองว่าผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในแต่ละกลุ่มธุรกิจจะได้เปรียบจากนโยบายทางเศรษฐกิจกว่าบริษัทเล็ก ๆ

กลุ่มธนาคารจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ (ทั้งเพื่อไทย และก้าวไกลมีนโยบายประชานิยม) และจากการบริโภคภาคเอกชนที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังจะได้ประโยชน์จากภาคบริการที่ปรับตัวดีขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ที่สูงขึ้น การเติบโตของสินเชื่อคาดว่าจะขยายตัวในครึ่งหลังของปี 2566 ผลักดันโดยดีมานด์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ และกลุ่มค้าปลีก

โดยหุ้น Top Picks ที่ CLSA แนะนำ “ซื้อ” ได้แก่  บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ราคาเป้าหมาย 82 บาท, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT แนะนำราคาเป้าหมาย 48 บาท,บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO แนะนำราคาเป้าหมา 18 บาท, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL แนะนำราคาเป้าหมาย 198 บาท และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KTB แนะนำราคาเป้าหมาย 24.50 บาท

หากก้าวไกลไม่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล คาดว่าจะได้เห็น GULF กับ PTTGC รีบาวน์ เนื่องจากเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายหาเสียงของก้าวไกลเรื่องค่าไฟ และการขึ้นต้นทุนก๊าซสำหรับปิโตรเคมี

Back to top button